แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับฎีกาโจทก์ร่วมเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษจำเลยไว้เป็นเวลา 1 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษเป็นการแก้มาก จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องโดยวิธีปิดหมาย(อันดับ 46 แผ่นที่ 4)
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 จำคุก6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือนจำเลยชำระเงินให้โจทก์ร่วมไปพอสมควรแล้ว โทษจำคุกรอไว้ 1 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 5 เดือนคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 2 เดือน 15 วัน โดยไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 213)
โจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 45)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย3 เดือนให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลย 2 เดือน 15 วัน โดยไม่รอการลงโทษ โจทก์ร่วมฎีกาให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง