คำสั่งคำร้องที่ 419/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ต่อมาจำเลยได้ตรวจสอบสำนวนและ พยานหลักฐานทราบว่าพนักงานสอบสวนได้ส่งลายมือและลายเซ็น ที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ.5, จ.6, จ.11, และ จ.41 ไปตรวจพิสูจน์ ที่กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ อันเป็นพยานหลักฐานที่มี ความสำคัญมาก ที่จะบ่งชี้ได้ว่าจำเลยเป็นผู้ทำเอกสารและ กระทำความผิดจริงหรือไม่แต่โจทก์ซึ่งมีหน้าที่ต้องนำส่งศาล กลับปกปิดไว้ ฉะนั้นเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเลยจึง ขอประทานเสนอบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของจำเลยในชั้นฎีกา โปรดมีคำสั่งรับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมนี้และมีคำสั่งให้ ศาลชั้นต้นมีหมายเรียกเอกสารผลการตรวจพิสูจน์เอกสารหมาย จ.5, จ.6, จ.11 และ จ.41 ซึ่งกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ทำการตรวจพิสูจน์แล้ว ตามรหัส เอกสารเลขที่ 339-34 มาเป็น พยานตามวันเวลาในหมายเรียกพยานเอกสารที่จำเลยได้เสนอมา พร้อมบัญชีระบุพยานด้วยแล้ว และโปรดชะลอการพิจารณาคดีนี้ ไว้ก่อนจนกว่าจะได้เอกสารมาประกอบการพิจารณา โปรดอนุญาต หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัดผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188,265 ประกอบด้วย 268 วรรคสอง,335(11) วรรคสอง และ 335(1)(11) วรรคสาม เป็นความผิดหลายกรรม ต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานลักบัตรเอทีเอ็ม กับฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิด ความเสียหายแก่ผู้อื่น เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 335(11) ซึ่งเป็นกฎหมายหลายบทที่มีโทษ หนักที่สุด จำคุก 2 ปี ฐานใช้เอกสารสิทธิปลอม จำคุก 2 ปี และมีความผิดฐานลักเงินอีก 185 กระทง จำคุกกระทงลง 2 ปี เป็นจำคุก370 ปี รวมทุกกระทงแล้ว จำคุกทั้งสิ้น 374 แต่ความผิดที่ จำเลยกระทำกระทงที่หนักที่สุดมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินสามปี แต่ไม่เกินสิบปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก ไว้มีกำหนด 20 ปี ฯลฯ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา (อันดับ 231) คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 255,256)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ให้รับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม และให้ ศาลชั้นต้นเรียกเอกสารผลการตรวจพิสูจน์ลายมือที่ปรากฏในเอกสาร หมาย จ.5, จ.6, จ.11 และ จ.41 มาเป็นพยานตามขอ สำเนาคำร้อง ให้โจทก์ด้วย

Share