คำสั่งคำร้องที่ 3882/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เนื่องจากฎีกาของจำเลยที่ 2 ทั้งหมดเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และเมื่อผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาไม่อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแล้ว จึงไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 2 เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นข้อสำคัญแห่งคดีขัดแย้ง และฝ่าฝืนต่อคำพยานหลักฐานในห้องสำนวน ศาลรับฟังพยานที่ยังเป็น ที่สงสัยและเป็นเพียงสำเนาเอกสารมาวินิจฉัยลงโทษจำเลยที่ 2 ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 277 และ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 95ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยที่ 2 ด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
คดีของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ 227/2534 นี้ ศาลชั้นต้นพิจารณารวมกับอีกคดีหนึ่งโดยเรียกจำเลยคดีนี้ว่าจำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติโบราณสถานโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ(พ.ศ. 2504) ฯลฯ จำคุก 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 135)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 152)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยคดีนี้จากพยานหลักฐานที่โจทก์จำเลยนำสืบเท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกพยานหลักฐานของจำเลยบางประการขึ้นมาวินิจฉัยก็ดี วินิจฉัยชี้ขาดโดยฟังพยานหลักฐานของโจทก์ซึ่งขัดแย้งกับ พยานหลักฐานของจำเลยก็ดี เป็นดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐาน ในสำนวนมิใช่เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดคดีโดยขัดแย้งฝ่าฝืนต่อ พยานหลักฐานในสำนวนแต่อย่างไร ฎีกาของจำเลยดังกล่าวจึงเป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของ จำเลยนั้น ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share