แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า แม้โจทก์จะอ้างว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่โจทก์คงยืนยันอ้างข้อเท็จจริงดังที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณามาแล้วทั้งสิ้น ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 จึงไม่รับโจทก์เห็นว่า โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า คำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่พิพากษาโดยไม่นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 ของศาลอาญาธนบุรีตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์นั้น เป็นคำพิพากษาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 27)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 วรรคสอง,284,91 ฯลฯ ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามมาตรา 284 จำคุก 4 ปี ตามมาตรา 279 วรรคสองจำคุก 4 ปี รวม 2 กระทง จำคุก 8 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 4 ปี ส่วนคำขอที่ให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528 นั้น ชั้นนี้ให้ยกเสียเพราะตามความจริงจำเลยได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 25)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 27)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ข้อที่โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6503/2528ของศาลชั้นต้น จะเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิฎีกาได้ ให้รับฎีกาของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป