คำสั่งคำร้องที่ 2577/2538

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ฎีกาจำเลยที่ว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ฎีกาจำเลยที่ว่า โจทก์นำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารนั้นปรากฏว่า การนำสืบพยานของโจทก์เป็นการนำสืบเพื่อทำลายเอกสารมิใช่กรณีนำสืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารข้อที่จำเลยกล่าวอ้างมาในฎีกาจึงมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนทั้งไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่สามารถยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ เมื่อจำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

ย่อยาว

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ไม่เกินสองแสนบาท จึงห้ามจำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างก็ไม่ได้เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่รับฎีกาของจำเลย คืนค่าขึ้นศาล
จำเลยเห็นว่า เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่พิพาทดังที่ยกคำพิพากษาฎีกาที่ 3842/2535 ซึ่งเป็นประเด็นเดียวกับคดีนี้ขึ้นวินิจฉัย เป็นการพิจารณาซ้ำและฟ้องซ้ำและการที่ศาลรับฟังพยานบุคคลนำสืบหักล้างพยานเอกสารเป็นการพิจารณาคดีที่มิชอบล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยจะฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 7553เลขที่ดิน 80 ตำบลสวนกล้วย (สังเม็ก) อำเภอกันทรลักษ์จังหวัดศรีสะเกษ ตามแผนที่พิพาทหมาย จ.4 ส่วนที่ระบายด้วยหมึกสีเขียว
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 86)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
วันที่ 11 เดือนธันวาคม พุทธศักราช 2538
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้อที่จำเลยอ้างว่าฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจฟ้องอันเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน มีเหตุสมควรรับไว้วินิจฉัยส่วนข้อที่จำเลยอ้างว่า โจทก์นำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารนั้นปรากฎว่า โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของจำเลย การนำสืบพยานของโจทก์จึงเป็นการนำสืบเพื่อทำลายเอกสารโฉนดที่ดินของจำเลย มิใช่กรณีนำสืบพยานบุคคลเพื่อเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารข้อที่จำเลยกล่าวอ้างมาในฎีกาจึงมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทั้งไม่ใช่กรณีที่จำเลยไม่สามารถยกขึ้นกล่าวในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ดังนั้น จำเลยจะฎีกาได้ต่อเมื่อเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ เมื่อฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่จำเลยเพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกา จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาจำเลยข้อนี้ชอบแล้ว จึงให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ 2.5ไว้ดำเนินการต่อไป

Share