แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นฎีกา มีเหตุผลเพียงพอที่ศาลฎีกาจะพิจารณาและพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 ชนะคดีโจทก์เกี่ยวกับค่าเสียหายบางส่วนได้ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 163)
โจทก์ขอให้เรียก นายนคร อางนานนท์ หุ้นส่วนผู้จัดการห้างจำเลยที่ 2 เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต แล้วให้เรียกจำเลยร่วมว่า จำเลยที่ 4
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันและแทนกันชำระเงินค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 386,920 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2527ไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ให้จำเลยที่ 3 รับผิดในจำนวนเงินดังกล่าวเพียงเท่าที่ปรากฏในกรมธรรม์ คือ 100,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราเดียวกับตั้งแต่วันที่ละเมิดดังกล่าวมาแล้วเป็นต้นไปคำขออื่นของโจทก์ให้ยก กับให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3ร่วมกันชำระค่ารถยนต์ให้โจทก์เป็นเงิน 230,000 บาท รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 241,620 บาท ให้จำเลยที่ 3 รับผิดเพียง 100,000 บาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ 2 ที่ 3 ฎีกา (อันดับ 153,156)
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 155)
จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ โดยนำหนังสือสัญญาค้ำประกันของธนาคารมาวางเป็นหลักประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น (อันดับ 129 แผ่นที่ 2, อันดับ 139)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 2 หาประกันสำหรับจำนวนเงิน241,620 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2527 เป็นเวลา 7 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับแก่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไว้ในระหว่างฎีกา
แต่ถ้าจำเลยที่ 3 ผู้เดียวหาประกันสำหรับจำนวนเงิน 100,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราและระยะเวลาเดียวกับที่กล่าวแล้ว มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็ให้ทุเลาการบังคับเฉพาะแก่จำเลยที่ 3 ไว้ระหว่างฎีกาแล้วแต่กรณี มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง