คำสั่งคำร้องที่ 2345/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้สิทธิฎีกาของโจทก์ร่วมเกิดขึ้นก่อนที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532มีผลใช้บังคับ จึงใช้กฎหมายที่ใช้บังคับในขณะที่โจทก์ร่วมเริ่มมีสิทธิ ซึ่งเป็นคุณกว่า จึงให้รับฎีกาโจทก์ร่วมข้อ 2.1 ซึ่งเป็นฎีกาข้อกฎหมายไว้พิจารณา ส่วนฎีกานอกนั้นโดยเฉพาะฎีกาข้อ 3 ที่ว่าจำเลยรับรองด้วยนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์ร่วมยกขึ้นใหม่ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมาย จึงเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220โจทก์ร่วมเห็นว่า ฎีกาของโจทก์ร่วมข้อ 2.1(น่าจะเป็น 2.2)และข้อ 3 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โดยข้อ 2.2 ฎีกาว่า ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงผิดจากพยานหลักฐานในสำนวน ส่วนข้อ 3ฎีกาว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 แสดงว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมข้อ 2.2 และข้อ 3 ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341,83,91 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คพ.ศ. 2497 มาตรา 3 ระหว่างพิจารณา นายเกียรติ รักสุจริตหรือนายเซียะโอ้วแซ่เตีย ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาบางข้อดังกล่าว(อันดับ 126 แผ่นที่ 2)
โจทก์ร่วมจึงยืนคำร้องนี้ (อันดับ 130)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532 ก่อนพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532มีผลบังคับ และโจทก์ร่วมยื่นฎีกาเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2532 ภายหลังที่พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาฉบับดังกล่าวมีผลบังคับแล้ว โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ กรณีจะต้องห้ามฎีกาหรือไม่ ย่อมจะต้องถือตามกฎหมายที่มีผลบังคับอยู่ในขณะยื่นฎีกานั้นเป็นสำคัญ ดังนี้ คดีของโจทก์ร่วมจึงต้องห้ามฎีกาทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามนัยแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2532 มาตรา 13ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ร่วม ข้อ 2.2 และข้อ 3 นั้นศาลฎีกาเห็นชอบด้วยในผล ให้ยกคำร้อง

Share