คำสั่งคำร้องที่ 2337/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด ไม่รับ
โจทก์เห็นว่า เนื่องจากคดีนี้ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นที่ยุติลงไปว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องหรือไม่ แม้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ยืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ไม่ทำให้คดีถึงที่สุดนอกจากนี้อุทธรณ์ของโจทก์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นก็เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมาย แต่ศาลอุทธรณ์กลับวินิจฉัยมีคำสั่งผิดหลงไปว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงเท่ากับว่าอุทธรณ์ของโจทก์ในปัญหาข้อกฎหมายยังไม่ได้รับการวินิจฉัยจากศาลอุทธรณ์ คดีจึงยังไม่ถึงที่สุดโปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,326,328 ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลชั้นต้นสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามมาตรา 22 จึงไม่รับอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า อุทธรณ์ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง มาตรา 22 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 50)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 51)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวจึงเป็นที่สุดแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 198 ทวิ วรรคสาม โจทก์ฎีกาคำสั่งนี้อีกไม่ได้ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share