แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ร่วมฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งฎีกาว่าฎีกาโจทก์ร่วมเป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการลงโทษ เป็นฎีกาข้อเท็จจริง เมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามกันมาให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี แต่ให้รอการลงโทษ โจทก์ร่วมจึงไม่มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงอีกต่อไป ไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วม และสั่งคำร้องว่า ตามคำร้องโจทก์ร่วมขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงมิใช่หน้าที่ของศาลนี้ที่จะส่งคำร้องไปให้ เป็นหน้าที่โจทก์ร่วมจะต้องขวนขวายเองโจทก์ร่วมเห็นว่าการที่โจทก์ร่วมได้ยื่นฎีกาพร้อมคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์ร่วมฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงนั้นเป็นหน้าที่ของศาลชั้นต้นจะต้องส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่งเสียก่อน เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งประการใดแล้ว ศาลชั้นต้นจึงจะมีคำสั่งในคำฟ้องฎีกาของโจทก์ร่วมได้ โปรดมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นส่งคำร้องดังกล่าวให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่ง และให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาโจทก์ร่วมจนกว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งในคำร้องดังกล่าว
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยทั้งสามได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบมาตรา 83 จำคุกคนละ 1 ปีและปรับคนละ 4,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้คนละ 2 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวโจทก์ร่วมจึงยื่นคำร้องนี้ไม่ปรากฏใบแต่งทนายโจทก์ร่วมในสำนวนที่ส่งมาศาลฎีกา
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว โจทก์ร่วมจะขอให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาในศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 นั้นเห็นว่า โจทก์ร่วมมีหน้าที่ต้องดำเนินการเอง มิใช่หน้าที่ของศาลชั้นต้นจะต้องจัดการส่งไปให้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องนั้นชอบแล้ว ส่วนที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมนั้น เห็นว่าโจทก์ร่วมส่งคำฟ้องฎีกาต่อศาลชั้นต้นพร้อมคำร้องดังกล่าวเพื่อต้องการให้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ฎีกา ดังนี้ เมื่อวินิจฉัยแล้วว่าเป็นหน้าที่ของโจทก์ร่วมที่จะต้องดำเนินการเองแต่โจทก์ร่วมก็มิได้ดำเนินการแต่อย่างใด ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมได้เมื่อเห็นว่า เป็นฎีกาต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง