แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์จำเลย คำสั่งศาลอุทธรณ์จึงเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 236 จำเลยไม่มีสิทธิยื่นฎีกาคำสั่งของศาลอุทธรณ์อีกจึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาคำสั่งของจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลสูง ซึ่งทั้งคดีของจำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาคำสั่งของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
กรณีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าโจทก์อยู่ จำเลยอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าอุทธรณ์ของจำเลยข้อ 3(ก) เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 ส่วนอุทธรณ์ข้อ 3(ข)(ค) แม้เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ก็เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 จึงไม่รับอุทธรณ์จำเลยอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 50)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 54)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยืนตามคำปฏิเสธของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของจำเลย คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นนี้ย่อมเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง