คำสั่งคำร้องที่ 2276/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถาคำสั่งศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 จำเลยจะยื่นฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ไม่ได้ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ข้อเท็จจริงตามทางไต่สวนรับฟังได้ว่า จำเลยมีเหตุผลสมควรที่จะอุทธรณ์และจำเลยไม่มีเงินสดที่จะนำมาวางต่อศาลเพื่อเป็นค่าธรรมเนียมอุทธรณ์ได้ แต่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยหรือสั่งตามรูปเรื่องในเนื้อหาที่จำเลยอุทธรณ์คำสั่งแต่อย่างใด คำสั่งของศาลอุทธรณ์จึงไม่เป็นที่สุด จำเลยมีสิทธิที่จะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์ได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ที่ 2อุทธรณ์ พร้อมกับยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่าแม้จำเลยที่ 1 หยุดดำเนินกิจการแล้วและนอกจากทรัพย์สินที่เอาไปจำนองไว้กับโจทก์แล้ว จำเลยที่ 1ไม่มีทรัพย์สินอะไรอีก แต่ก็ได้ความว่าจำเลยที่ 2 สามารถหาเงินมาเสียค่าธรรมเนียมศาลได้ มิได้ยากจนจริง ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ 1 ที่ 2
จำเลยที่ 1 ที่ 2 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้อุทธรณ์อย่างคนอนาถานั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 194)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 198)

คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองอุทธรณ์อย่างคนอนาถา โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของจำเลยที่ 1 มิได้เป็นคนยากจนถึงกับไม่มีทรัพย์สินพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ เช่นนี้คำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 156 วรรคท้าย จำเลยทั้งสองฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวไม่ได้ ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสองชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share