คำสั่งคำร้องที่ 2238/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 15 เมษายน 2535ขอให้ศาลฎีกาไต่สวนว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกาจริงหรือไม่ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลฎีกามีคำสั่งว่าจำเลยทิ้งฎีกา จำหน่ายคดีจากสารบบความคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่มีเหตุที่จำเลย จะขอให้ไต่สวนคำร้องที่จำเลยไม่จงใจทิ้งฎีกาอีก ยกคำร้อง ต่อมาวันที่ 12 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีถึงที่สุด โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยไม่เป็นสาระ แก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ไม่รับอุทธรณ์
จำเลยเห็นว่า ที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยทิ้งฎีกานั้นยังไม่แน่ชัดว่าการไม่นำหมายเป็นความผิดของจำเลยหรือความผิด ของเจ้าหน้าที่ศาล แม้ไม่มีบทกฎหมายใดให้อำนาจยื่นคำร้อง ต่อศาลฎีกาเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวได้ก็ตาม แต่หากจะ ให้จำเลยต้องรับผิดโดยที่ไม่ใช่ความผิดของจำเลยก็น่าจะไม่เป็น ไปตามหลักนิติธรรม อุทธรณ์ของจำเลยย่อมเป็นสาระแก่คดี หากศาลฎีกาไต่สวนแล้วได้ความว่าจำเลยได้นำเงินค่าหมายวางไว้ แล้วภายในกำหนด นอกจากนี้จำเลยยังเห็นว่าศาลชั้นต้นไม่มี อำนาจสั่งรับหรือไม่รับอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลสูงเท่านั้น ที่จะสั่ง ขอศาลฎีกาได้โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ดังกล่าว ของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 104)
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์รับเงิน15,000 บาท จากจำเลย ห้ามโจทก์และบริวารเข้าเกี่ยวข้องที่ดินพิพาทอีกต่อไป
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยนำหนังสือ รับรอง การทำประโยชน์ (น.ส.3) ทะเบียนเลขที่ 399 ไปทำการจดทะเบียน แบ่งแยกโอนที่ดินตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องในเส้นสีแดง กขคง จำนวน 15 ไร่ ต่อเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาให้แก่โจทก์ หากจำเลยไม่จัดการ ให้ถือเอา คำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลยในการจดทะเบียนแบ่งแยก ที่ดินดังกล่าว ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกา จึงพิพากษาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความของศาลฎีกา
ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 15 เมษายน 2535 ขอให้ศาลฎีกาไต่สวนว่าจำเลยทิ้งฟ้องฎีกาจริงหรือไม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง วันที่ 12 พฤษภาคม 2535 จำเลยยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว (อันดับ 95,100)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 101)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมิได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด จึงเป็น การทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกาคำสั่งของศาลฎีกาดังกล่าวจึงถึงที่สุด ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับ คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share