แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าฎีกาของจำเลยทั้งสองแม้หากเป็นข้อกฎหมายก็ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จากศาลฎีกา ไม่รับฎีกา และสั่งคำร้องว่าศาลสั่งไม่รับฎีกาแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ใช่คู่ความที่ยื่นฎีกาตามความหมายใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ประกอบมาตรา 247 จึงไม่รับคำร้องขอทุเลาการบังคับ
จำเลยทั้งสองเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองในประเด็นที่ว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์ และจำเลยที่ 2 ค้ำประกันการกู้ยืมเงินกับโจทก์หรือไม่ และฎีกาในประเด็นที่ว่าโจทก์คิดดอกเบี้ยได้เพียงใด ล้วนเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งรับฎีกาและคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยทั้งสองด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 60,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่ง ต่อปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2535 จนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 79,80)
จำเลยทั้งสองจึงยื่นคำร้องนี้โดยมิได้นำเงินมาชำระตาม คำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล (อันดับ 83)
คำสั่ง
จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่รับฎีกาโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบมาตรา 247 ให้ยกคำร้อง