แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาข้อ 1 ของจำเลยเป็นฎีกาข้อกฎหมาย ส่วนฎีกาข้อ 2 ถึงข้อ 6 เป็นฎีกาข้อเท็จจริงที่บิดเบือนให้เป็นข้อกฎหมาย ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 จึงมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ 1
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยข้อ 2 ถึงข้อ 6 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาข้อ 2 ถึงข้อ 6 ของจำเลย ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 30,000 บาทแก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับแต่ วันที่ 15 สิงหาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จ แต่เมื่อนับถึงวันฟ้องจำนวนดอกเบี้ยต้องไม่เกิน 2,250 บาทเท่าที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อ 1(อันดับ 76)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 79)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาโจทก์ข้อ 2(2) เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ที่แก้ไขใหม่ ให้รับฎีกาโจทก์ข้อนี้ไว้พิจารณาร่วมกับข้อ 2(1)ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับไว้แล้ว ส่วนฎีกาโจทก์ข้อ 2(3) ถึง (6)เป็นฎีกาที่โต้เถียงข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์ในข้อดังกล่าวนี้ชอบแล้ว ให้ยกคำร้องในส่วนนี้เสีย