แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า สาเหตุที่จำเลยทั้งสองถูกฟ้องเป็นคดีนี้ก็เนื่องมาจาก จำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์ในคดีนี้เป็นจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 2206/2534 ของศาลจังหวัดสงขลา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,157, 364 และ 91 คดีมีมูล ศาลประทับฟ้อง ไว้พิจารณาแล้ว และคดีดังกล่าวจำเลยที่ 1 ในฐานะโจทก์ได้ยื่น คำร้องขอโอนคดีไปพิจารณาที่ศาลอาญา ขณะนี้อยู่ระหว่าง การพิจารณาของประธานศาลฎีกา เนื่องจากโจทก์ยังมิได้โยกย้าย ออกนอกเขตพื้นที่ที่เกิดเหตุหรือถูกสั่งพักราชการ และโดยที่โจทก์ เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่สืบสวนได้ใช้อำนาจข่มขู่จำเลยทั้งสองและประจักษ์พยานของจำเลย ทำให้พยานบางรายหลบหนีออกนอกพื้นที่ ไม่กล้ามาเบิกความเป็นพยานที่ศาลจังหวัดสงขลาเพราะกลัว ถูกฆ่าปิดปากหรือถูกกลั่นแกล้งหากมีการพิจารณาคดีนี้ที่ ศาลจังหวัดสงขลา อาจจะมีการขัดขวางการพิจารณา น่าจะเกิด ความไม่สงบหรือมีเหตุร้ายแก่จำเลยและพยานตามที่โจทก์ได้ข่มขู่ไว้ และเนื่องจากจำเลยที่ 1 เป็นมุสลิม ประพฤติปฏิบัติธรรมและมีชื่อเสียง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวมุสลิม ทั้งเป็นแกนนำของพรรคการเมือง อาจทำให้ประชาชนที่เป็นมุสลิม ในเขตอำเภอจะนะ มีความรู้สึก ไม่พอใจหรือมีเหตุผลอื่นที่อาจมีการขัดขวางการพิจารณา ก่อให้เกิด ความไม่สงบหรือเหตุร้ายขึ้นได้ โปรดมีคำสั่งให้โอนคดีนี้ไป พิจารณาที่ศาลอาญาด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,175,177 และ 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
คดีอยู่ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 33)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณียังไม่พอฟังว่าอาจมีการขัดขวางต่อการพิจารณา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้น จึงไม่อนุญาตให้โอนคดี