คำสั่งคำร้องที่ 1734/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสองข้อเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาว่าโทษที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงแก่จำเลยมีกำหนดเพียง 1 ปี 7 เดือนเท่านั้น ไม่เกิน 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 กรณีเช่นนี้ศาลควรรอการลงโทษไว้เพื่อเปิดโอกาสให้กลับตัวเป็นคนดีต่อไป ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายมิใช่ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษา
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 87)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูล มีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 จำเลยได้ใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์บางส่วน เห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบา ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 เดือน รวม 3 กระทงและจำคุก 10 เดือนอีกกระทงหนึ่งเรียงกระทงลงโทษ รวมจำคุก 1 ปี7 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก9 เดือน 15 วัน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 80)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 85)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ตามที่จำเลยฎีกาว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยจำคุกไม่เกิน 2 ปี สมควรรอการลงโทษไว้สักครั้ง เป็นฎีกาดุลพินิจของศาล ซึ่งเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share