คำสั่งคำร้องที่ 1720/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ วันที่ 31 พฤษภาคม 2537 แต่จำเลยที่ 2มาขอฟังวันที่ 9 มิถุนายน 2537 โดยศาลให้ถือว่า จำเลยที่ 2ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 ซึ่งทนายจำเลยที่ 2 ก็ได้ลงชื่อทราบรายงานและคำสั่งศาลแล้วแต่เพิ่งมายื่นฎีกาวันนี้ซึ่งเกินระยะเวลาฎีกาตามกฎหมายจึงไม่รับฎีกานี้ คืนค่าธรรมเนียมศาล
จำเลยที่ 2 เห็นว่า กำหนดเวลาในการยื่นฎีกาให้เริ่มนับตั้งแต่วันอ่านคำพิพากษา แต่เนื่องจากในวันที่ 31 พฤษภาคม 2537ที่ศาลชั้นต้นนัดอ่านคำพิพากษาไว้ไม่มีการอ่านคำพิพากษาไม่มีเจ้าหน้าที่ศาลเบิกสำนวนและซองคำพิพากษามาให้ศาลชั้นต้น อ่าน ต่อมาวันที่ 9 มิถุนายน 2537 ทนายจำเลยที่ 2ยื่นคำแถลง ขอถ่ายคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงทราบว่าไม่มีการอ่านคำพิพากษา และทนายจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำแถลงขอฟังคำพิพากษาในวันนั้นเอง ดังนี้ ต้องถือว่าได้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จริง ๆ ในวันที่ 9 มิถุนายน 2537 จำเลยที่ 2ยื่นฎีกาในวันที่ 1 กรกฎาคม 2537 จึงเป็นการยื่นฎีกาในระยะเวลาตามกฎหมายแล้ว โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 32,194.50 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงิน 30,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 5 กันยายน 2534) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 107)
จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 109)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 140(3) บัญญัติว่า “การอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้อ่านข้อความทั้งหมดในศาลโดยเปิดเผยตามเวลาที่กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายนี้ต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ในกรณีเช่นว่านี้ให้ศาลจดลงไว้ในคำพิพากษาหรือคำสั่ง หรือ ในรายงานซึ่งการอ่านนั้น และให้คู่ความที่มาศาลลงลายมือชื่อ ไว้เป็นสำคัญ
ถ้าคู่ความไม่มาศาล ศาลจะงดการอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ ให้ศาลจดแจ้งไว้ในรายงานและให้ถือว่า คำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นได้อ่านตามกฎหมายแล้ว ฯลฯ”
คดีนี้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 เวลา 9 นาฬิกา ซึ่งเป็นวันเวลานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เจ้าหน้าที่มิได้เสนอสำนวนศาล เพื่ออ่านให้คู่ความฟัง ทั้งศาลมิได้สั่งงดการอ่านคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ และจดแจ้งในรายงานให้ถือว่าคำพิพากษาได้อ่าน ตามกฎหมายแล้วตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น ศาลชั้นต้น เพิ่งอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยที่ 2 ฟังตามคำแถลง ในวันที่ 9 มิถุนายน 2537 และจดแจ้งการอ่านโดยถือว่าคู่ความ ทราบคำพิพากษาในวันที่ 31 พฤษภาคม 2537 ซึ่งไม่ตรงตาม ความเป็นจริง เป็นการไม่ชอบ กรณีต้องถือว่าจำเลยที่ 2ได้ฟัง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 9 มิถุนายน 2537 จำเลยที่ 2ยื่นฎีกาวันที่ 1 กรกฎาคม 2537 ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลายื่นฎีกา
ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาแล้วให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งฎีกาจำเลยที่ 2 ใหม่ตามรูปคดี

Share