แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และมิใช่คดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยทั้งสองฎีกาโต้แย้งการรับฟังพยานบุคคลของศาล ซึ่งเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหาใช่ปัญหาข้อกฎหมาย ไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า จำเลยฎีกาโต้แย้งเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งโจทก์จำเลยได้ว่ากันมาแต่ศาลชั้นต้นแล้วและฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าสัญญาหรือบันทึก จ.1, จ.2 เป็นเอกสารที่ใช้ได้ตามกฎหมายหรือไม่ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ซึ่งเป็นสาระสำคัญโปรดมีคำสั่งแก้หรือกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 88)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยที่ 1 รับเงิน 6,000 บาทจากโจทก์และโอนสิทธิครอบครองในที่พิพาทตามแผนที่เอกสาร จ.ล.1 ทั้งสองแปลงแก่โจทก์หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 85)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 88)
คำสั่ง
คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ตามมาตรา 248 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6)พ.ศ. 2518 มาตรา 6 จึงให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสอง