แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อกฎหมายศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริง โจทก์จึงไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้วโดยวิธีปิดหมาย(สำนวนธุรการ อันดับ 16 แผ่นที่ 2 และแผ่นที่ 3)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 และมาตรา 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 12)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 13)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองเบิกความเท็จ เป็นการยกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งสองเบิกความเท็จโต้เถียงที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง