คำสั่งคำร้องที่ 1387/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 ขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าศาล ได้ส่งสำนวนไปศาลฎีกาเพราะเลยระยะเวลาแก้ฎีกาแล้ว ไม่อนุญาต
จำเลยเห็นว่า จำเลยมีความจำเป็นอย่างยิ่งไม่สามารถทำคำแก้ฎีกาภายในกำหนดได้และคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้นั้น จำเลยก็ได้ยื่นภายในกำหนดระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกา แต่การที่ เรือนจำส่งไปถึงศาลเมื่อพ้นกำหนดแล้วนั้นหาเป็นข้อบกพร่อง หรือความผิดของจำเลยไม่ และต่อมาจำเลยก็ได้ยื่นคำแก้ฎีกา ต่อศาลชั้นต้นแล้วเช่นกัน ขอศาลฎีกาได้โปรดอนุญาตให้ขยายระยะ เวลายื่นคำแก้ฎีกาและรับคำแก้ฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 62)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364,365(1)(3),278 เป็นความผิดกรรมเดียว ลงโทษข้อหา ฐานกระทำอนาจาร ตามมาตรา 278 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกจำเลยมี กำหนด 3 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องจำเลยในข้อหาฐานบุกรุก และอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 364, 365(1)(3),278 ด้วย แต่ให้ขังจำเลยไว้ในระหว่างฎีกา นอกจากที่แก้แล้วคงให้เป็นไป ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา (อันดับ 60)
จำเลยได้รับสำเนาฎีกาไว้แล้วเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2535(อันดับ 60)
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาไปอีก 15 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต(อันดับ 66)
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2535 จำเลยยื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับ (อันดับ 64)
ต่อมาวันที่ 6 มีนาคม 2535 จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 62)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ศาลชั้นต้นจะไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นคำแก้ฎีกาก็ตาม แต่ต่อมาเมื่อพ้นกำหนดแก้ฎีกาแล้วจำเลยยื่นคำแก้ฎีกา ศาลชั้นต้นก็สั่งรับคำแก้ฎีกาแล้ว กรณีไม่มีประโยชน์จะวินิจฉัยชี้ขาดต่อไปให้ยกคำร้อง

Share