คำสั่งคำร้องที่ 1360/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับเป็นฎีกา
จำเลยเห็นว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นพยานโจทก์เบิกความว่าตำรวจจับคนร้ายได้วันที่ 16 กันยายน 2527 แต่ตำรวจว่าจับกุมตัวจำเลยได้วันที่ 19 กันยายน 2527 ฉะนั้นคนร้ายที่ตำรวจจับได้ครั้งแรกกับจำเลยที่ตำรวจจับได้ครั้งหลังอาจมิใช่คนเดียวกันเป็นเหตุที่น่าสงสัยว่าจำเลยอาจมิใช่ผู้กระทำความผิดและจำเลยสมควรได้รับประโยชน์แห่งความสงสัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 58)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357,83 จำคุก 2 ปี ฯลฯ
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 57)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 58)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนลงโทษจำคุก 2 ปีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักขัดแย้งกันเองเป็นที่น่าสงสัยจำเลยอาจจะมิใช่คนร้ายและอาจไม่รู้ว่าทรัพย์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์สมควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยนั้น เป็นการคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share