แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาที่โจทก์ขอให้รับรองไม่รับรองให้ฎีกาของโจทก์ทั้งหมดเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนที่อ้างว่าเป็นข้อกฎหมายจะต้องโต้เถียงข้อเท็จจริงก่อน เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกาของโจทก์ คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมดในชั้นฎีกา ให้โจทก์ไป โจทก์เห็นว่า ฎีกาที่ว่า จำเลยไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย เพราะจำเลยจะยกอายุ การครอบครองที่ดินพิพาทต่อเนื่องจากนางสาหร่ายผู้ครอบครองที่ดินเดิมในระหว่างที่นางสาหร่ายมอบที่ดินพิพาทให้จำเลยเข้าทำประโยชน์แทนการชำระดอกเบี้ยเงินกู้ที่นางสาหร่าย กู้ยืมจากจำเลยขึ้นตัดสิทธิโจทก์เจ้าของที่ดินพิพาทไม่ได้นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้อง แล้วหรือไม่ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปตัดต้นไม้และนำรถไถ มาไถที่ดินของโจทก์เนื้อที่ประมาณ 3 งานเศษ ขอให้ศาลพิพากษา ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาท และให้จำเลย ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 155) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 161)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าแม้ข้อฎีกาของโจทก์ที่ว่า จำเลย ไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามกฎหมาย เพราะจำเลยจะยกอายุการครอบครองที่ดินพิพาทต่อเนื่องจาก นางสาหร่ายผู้ครอบครองที่ดินเดิมในระหว่างที่นางสาหร่าย มอบที่ดินพิพาทให้จำเลยเข้าทำประโยชน์แทนการชำระดอกเบี้ย เงินกู้ที่นางสาหร่ายกู้ยืมจากจำเลยขึ้นตัดสิทธิ์โจทก์เจ้าของที่ดินพิพาทไม่ได้ จะเป็นฎีกาข้อกฎหมายก็ตาม แต่ข้อกฎหมายดังกล่าวย่อมต้องอาศัยข้อเท็จจริงเพื่อการวินิจฉัย การเถียงข้อเท็จจริงซึ่งเป็นที่ยุติและต้องห้ามฎีกาเพื่อ สู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ จึงมีผลอย่างเดียวกับ การฎีกาในข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของโจทก์นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง