คำสั่งคำร้องที่ 1/2528

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คดีความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ก็เป็นการถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีจะถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 วรรคสอง เมื่อจำเลย ไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจสั่งได้แต่เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาอนุญาตให้ถอนคำร้องทุกข์ได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ลดโทษกึ่งหนึ่งจำคุก 1 เดือน โดยได้อ่านให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2527 ผู้เสียหายยื่นคำร้องฉบับลงวันที่2 พฤษภาคม 2527ว่า ตกลงยอมความกับจำเลยได้ ขอถอนคำร้องทุกข์ ศาลอุทธรณ์ สั่งว่า คดีนี้ ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2527โจทก์หรือจำเลยมิได้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ที่ให้ลงโทษจำเลยนั้นแต่อย่างใดเลย คดีก็ไม่มีโอกาสขึ้นสู่ ศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจหรือหน้าที่จะสั่งคำร้อง ขอถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายซึ่งยื่นภายหลังศาลชั้นต้น พิพากษาคดีแล้วจึงให้ส่งสำนวนและคำร้องของ ผู้เสียหาย คืนศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณาสั่งต่อไป ผู้เสียหายยื่นคำร้อง อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลฎีกาสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว ผู้เสียหายขอถอนคำร้องทุกข์ ภายในกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์ แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ก็เป็นการถอนคำร้องทุกข์คดีความผิดต่อส่วนตัวก่อนคดี จะถึงที่สุด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 35 วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่คัดค้านศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ ก็มีอำนาจสั่งได้ แต่เมื่อคดีนี้ขึ้นมาสู่ศาลฎีกาแล้ว จึงอนุญาต ให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ได้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้อง ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2)ให้จำหน่ายคดี”

Share