แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
คดีที่ผู้ฟ้องคดีทั้งหกซึ่งเป็นเอกชนยื่นฟ้องนายอำเภอโขงเจียม ที่ ๑ กำนันตำบลโขงเจียม ที่ ๒ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ที่ ๓ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาพิบูลมังสาหาร ที่ ๔ อธิบดีกรมที่ดิน ที่ ๕ ผู้ถูกฟ้องคดี ว่าผู้ฟ้องคดีทั้งหกอาศัยหรือมีอาชีพประมงบริเวณใต้แม่น้ำมูลได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการที่บริษัท ซ. ผู้ร้องสอด ถมร่องน้ำสาธารณประโยชน์และนำที่ดินพิพาทซึ่งเป็นทางสาธารณะแต่ระบุเป็นเนื้อที่ส่วนหนึ่งของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓) เลขที่ ๗๗ ไปขอออกโฉนดที่ดิน จึงเป็นการออก น.ส.๓ ทับทางสาธารณะ ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเพิกถอน น.ส. ๓ เลขที่ ๗๗ ในส่วนที่ออกทับทางสาธารณประโยชน์ ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าฟื้นฟูร่องน้ำสาธารณประโยชน์ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม และให้ระบุแนวร่องน้ำสาธารณประโยชน์ลงในระวางแผนที่ของหน่วยงานราชการ เห็นว่า แม้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แห่งพ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ แต่การที่ผู้ฟ้องคดีทั้งหกฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเพิกถอน น.ส.๓ เลขที่ ๗๗ ของผู้ร้องสอด เนื่องจากอ้างว่าเป็นการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ทับทางสาธารณประโยชน์บางส่วน ซึ่งเป็นการโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นที่ดินสาธารณะมิใช่ที่ดินของผู้ร้องสอด แต่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าให้การว่า ที่พิพาทไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์แต่เป็นสิทธิครอบครองของผู้ร้องสอด การออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ ๗๗ ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุให้เพิกถอน ทั้งผู้ร้องสอดให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของผู้ร้องสอด ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ บุกรุกทำประโยชน์ในที่ดินของผู้ร้องสอด ซึ่งผู้ร้องสอดได้ฟ้องผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ต่อศาลจังหวัดอุบลราชธานี เป็นคดีอาญาข้อหาบุกรุกและคดีแพ่งข้อหาละเมิดขับไล่ ดังนี้ คดีจึงมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ตามที่ผู้ฟ้องคดีทั้งหกกล่าวอ้างหรือเป็นที่ดินที่ผู้ร้องสอดมีสิทธิครอบครองเป็นสำคัญ กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม