คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5985/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของโฉนดที่ดินพิพาทได้จำนำโฉนดที่ดินพิพาทไว้แก่บุคคลอื่น การที่มารดาของผู้คัดค้านซึ่งอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินได้ไถ่โฉนดที่ดินพิพาทแทนเจ้าของโฉนดยังไม่อาจฟังว่าเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครองที่ดินพิพาทจากการอาศัยสิทธิของผู้อื่นเป็นการครอบครองเพื่อตนเอง เพราะอาจเป็นการไถ่โดยเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไป ถือว่ามารดาของผู้คัดค้านและผู้คัดค้านครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดิน ดังนั้นแม้ว่าจะครอบครองมานานเพียงใด ผู้คัดค้านย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๐๗ ตำบลหนองแก อำเภอเมืองอุทัยธานีจังหวัดอุทัยธานี เนื้อที่ ๔ ไร่ ๑ งาน ๗๒ ตารางวา นายจุ้ย นางโอน สิทธิชัย พี่ชาย พี่สาวผู้ร้องเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้ร้องได้รับการยกให้เมื่อประมาณ ๔๐ ปีมาแล้ว แต่มิได้จดทะเบียน ผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลาติดต่อกันกว่า ๑๐ ปีแล้ว ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวโดยการครอบครองปรปักษ์
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้ครอบครองที่ดินพิพาท นางโอนมีบุตรคนหนึ่งชื่อนางมริน ต่อมานางโอนถูกคนร้ายยิงตาย นายจุ้ยจึงเอาโฉนดเลขที่ ๑๐๐๗ ไปจำนอง (สมัยนั้นเรียกจำนำ) ไว้แก่นางไข่ แล้วนายจุ้ยอพยพไปอยู่ที่อื่นจนหายสาบสูญไป นางไข่นำโฉนดที่ดินนั้นไปจำนองต่อไว้แก่นายเหมือน นางมรินไม่ไถ่ถอนจำนองที่ดินคืน นางถมมารดาของผู้คัดค้านจึงไปไถ่ถอนคืนในราคา๔๐๐ บาท เมื่อประมาณ ๔๓ ปีมาแล้ว นางถมได้ครอบครองที่ดินพิพาทติดต่อกันมาด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนกระทั่งปี ๒๕๐๑ นางถมยกที่ดินพิพาทให้ผู้คัดค้านครอบครองต่อมาเป็นเวลา ๒๗ ปี ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของโดยสงบและเปิดเผย ขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง และมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๐๐๗ ตำบลหนองแกอำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี โดยการครอบครองปรปักษ์ ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นางถมมารดาของผู้คัดค้านอยู่ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของนายจุ้ยนางโอน ถึงหากจะฟังว่าเจ้าของโฉนดที่ดินพิพาทได้จำนำโฉนดที่ดินพิพาทและนางถมได้ไถ่โฉนดที่ดินพิพาทแทนเจ้าของโฉนดจริง ก็อาจเป็นการไถ่โดยเจตนาที่จะอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไปก็เป็นได้พฤติการณ์เพียงเท่านี้ยังไม่อาจฟังได้ว่าเป็นการแสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงการครอบครองที่ดินพิพาทจากการอาศัยสิทธิของผู้อื่นมาเป็นครอบครองเพื่อตนเอง จึงต้องถือว่านางถมและผู้คัดค้านครอบครองที่ดินพิพาทต่อมาโดยอาศัยสิทธิของเจ้าของที่ดินพิพาท ดังนั้นแม้ว่าจะครอบครองมานานเพียงใด ก็ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า นางโอนได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่ผู้ร้อง และผู้ร้องได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยสงบและเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาโดยไม่มีผู้ใดคัดค้านเป็นเวลาเกิน ๑๐ ปี ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์
พิพากษายืน.

Share