คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1328/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายดาบตำรวจ ว. ค้นบ้านของจำเลยโดยมีหมายค้น ส่วนที่หมายค้นระบุเลขที่บ้านผิดไปหามีผลทำให้หมายค้นเสียไปไม่ ทั้งจำเลยก็ยอมให้ตรวจค้นบ้านโดยดี การค้นบ้านจำเลยจึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2540 มาตรา 35 ( เหตุเกิด 9 กรกฎาคม 2540 เวลากลางวัน )
นายดาบตำรวจ ว. กับพวกเห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ เมื่อเข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีนอีก 1 เม็ด การกระทำของนายดาบตำรวจ ว. กับพวกกระทำต่อเนื่องกัน เมื่อพบเห็นจำเลยจำหน่าย และมียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดซึ่งหน้าตาม ป.วิ.อ. มาตรา 80 จึงมีอำนาจจับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับตามมาตรา 78 (1)
การตรวจค้นและจับจำเลยกระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย พยานหลักฐานของโจทก์จึงมิใช่พยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๑๕, ๖๖, ๖๗ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ และให้คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก ๕ ปี ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จำคุก ๕ ปี รวมจำคุก ๑๐ ปี คืนธนบัตรของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๗ พิพากษาแก้เป็นว่า ลดโทษให้จำเลยหนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า…มีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาแต่เพียงว่า พยานหลักฐานของโจทก์ในคดีนี้ชอบด้วยกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า นายดาบตำรวจวิศนุกับพวกซึ่งมิใช่พนักงาน ฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปตรวจค้นบ้านของจำเลยและยึดของกลางแล้วจับจำเลยมาดำเนินคดีโดยไม่มี หมายค้นและหมายจับอันถูกต้องเป็นเรื่องจงใจทำต่อจำเลยโดยผิดกฎหมาย เพราะจำเลยได้รับความคุ้มครองตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๓๕ ในการที่จะอยู่อาศัยและครอบครองเคหสถาน โดยปกติสุข พยานหลักฐานของโจทก์จึงเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๒๒๖ นั้น เห็นว่า นายดาบตำรวจวิศนุไปค้นบ้านของจำเลยโดยมีหมายค้นไปด้วย ดังจะเห็นได้ว่าได้มีการทำบันทึกการตรวจค้นจับกุมที่ด้านหลังของหมายค้น และในหมายดังกล่าวมีข้อความระบุให้ค้นบ้านนายเล้ง แก้วพรายงาม ซึ่งเป็นชื่อจำเลย ส่วนที่ระบุเลขที่บ้านเป็นเลขที่ ๕๓/๓ ไม่ตรงกับเลขที่บ้านของจำเลยซึ่งเป็นบ้านเลขที่ ๕๕/๓ น่าจะเป็นเรื่องเขียนตัวเลขผิดพลาดไป ดังจะเห็นได้จากรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่ได้ลงไว้ก่อนไปตรวจค้นบ้านของจำเลยว่า ได้ระบุชื่อจำเลยและบ้านของจำเลยเป็นบ้านเลขที่ ๕๔/๓ การระบุเลขที่ของบ้านจำเลยผิดไปดังกล่าวหามีผลทำให้หมายค้นดังกล่าวเสียไปไม่ ทั้งจำเลยก็ยอมให้นายดาบตำรวจวิศนุตรวจค้นบ้านของจำเลยโดยดี การตรวจค้นบ้านของจำเลยจึงไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๓๕ ตามที่จำเลยฎีกา ส่วนที่ นายดาบตำรวจวิศนุกับพวกจับจำเลยมาดำเนินคดีเนื่องจากนายดาบตำรวจวิศนุกับพวกเห็นจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ให้แก่สายลับ เมื่อเข้าไปตรวจค้นบ้านของจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีนอีก ๑ เม็ด ซึ่งจำเลยเบิกความยอมรับว่าเป็นของจำเลย การกระทำของนายดาบตำรวจวิศนุกับพวกกระทำต่อเนื่องกัน เมื่อพบเห็นจำเลยกระทำความผิดฐานจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดซึ่งหน้าดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๐ นายดาบตำรวจวิศนุกับพวกจึงมีอำนาจ จับจำเลยได้โดยไม่ต้องมีหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๘ (๑) การกระทำของ นายตำรวจวิศนุกับพวกเป็นการตรวจค้นและจับจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมาย พยานหลักฐานของโจทก์มิใช่พยาน หลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบด้วยประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๖ ตามที่จำเลยอ้างแต่อย่างใด ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share