แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายนั้น เจ้าหนี้เพียงแต่บรรยายฟ้องว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 9(1) และระบุข้อความอื่นตามมาตรา 9(2) และ 9(3) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว เจ้าหนี้ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างไร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าหนี้จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพันตัว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดมีนายพิพัฒน์(จำเลยที่ ๒) เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ จำเลยเป็นหนี้โจทก์ค่าซื้อสินค้าและหนี้อื่นรวมเป็นเงิน ๓๘๒,๑๓๐.๗๓ บาท จำเลยไม่มีทรัพย์สินเหลืออีกเลย และมีเจ้าหนี้อื่นซึ่งยังมิได้รับชำระอีกหลายราย จำเลยจึงมีหนี้สินล้นพ้นตัว ขอให้ศาลมีคำสั่งพิทักษ์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย
จำเลยที่ ๑ให้การว่า จำเลยซื้อสินค้าโจทก์จริง แต่ราคาสินค้าขาดอายุความแล้ว และจำเลยที่ ๑ ได้ชำระหนี้ให้โจทก์แล้ว ๒๗๔,๐๑๔ บาท คงค้างชำระเพียง ๑๕๔,๕๐๑.๒๕ บาท ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ไม่ยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ เป็นหนี้โจทก์อยู่อีก ๒๗๗,๔๖๔.๙๓ บาท ซึ่งเป็นหนี้ที่กำหนดได้แน่นอน จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ประเภทไม่จำกัดความรับผิด จึงต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย โจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ ๑ แล้ว ไม่พอชำระหนี้ และจำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นจะพึงยึดมาชำระหนี้ได้อีก ทั้งจำเลยที่ ๑ ก็ให้การรับว่ากิจการค้าของจำเลยที่ ๑ขาดทุนมาก จึงไม่สามารถชำระหนี้ได้ ฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัว มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองมีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างไร แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าได้มีหนังสือถามจำเลยทั้งสอง ทั้งไม่ได้นำสืบว่าได้ทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้ล้มละลายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าในการฟ้องลูกหนี้ให้ล้มละลายนั้น เจ้าหนี้เพียงแต่บรรยายฟ้องว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙(๑) และระบุข้อความอื่นตามมาตรา ๙(๒) และ ๙(๓) ก็เป็นฟ้องที่สมบูรณ์แล้ว เจ้าหนี้ไม่จำต้องบรรยายฟ้องว่า ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัวอย่างไร ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เจ้าหนี้จะต้องนำสืบในชั้นพิจารณาว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพันตัว ทั้งโจทก์ได้บรรยายฟ้องและนำสืบแล้วว่าโจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระหนี้แล้ว แต่จำเลยไม่ชำระให้โจทก์ ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยทั้งสองไม่มีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ ๑ มีหนี้สินล้นพ้นตัว จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนประเภทไม่จำกัดความรับผิดของจำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ด้วย
พิพากษายืน
(มงคล วัลยะเพ็ชร์ วิทูร เทพพิทักษ์ ล้วน นิลกำแหง)