แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมมีใบยาวเก้านิ้วฟุตซึ่งวิญญูชนรู้ว่าหากใช้มีดนั้นแทงหน้าอกหรือกลางหลังอันเป็นอวัยวะสำคัญด้วยน้ำหนักมาก ก็มีผลให้ถือตายได้ และบาดแผลตรงราวนมแม้ปรากฏว่าแผลไม่ถูกปอด แต่แพทย์ต้องเจาะเอาเลือดออกจากช่องปอดจำนวนถึงร้อยซีซี หากเลือดท่วมหรือเต็มปอดจะถึงตาย แสดงว่าแพทย์ได้รักษาไว้ได้ทันท่วงที พฤติการณ์ที่กล่าวมามีเหตุผลชี้บ่งว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย มิใช้เพียงเจตนาทำร้าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงทำร้ายผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่ไม่บรรลุเพราะแพทย์รักษาไว้ทันท่วงที จึงเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บสาหัส จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดฐานลักทรัพย์ ถูกจำคุก ๑ ปี อันอยู่ในลักษณะที่จะเพิ่มโทษได้ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๒๗๙,๘๐,๙๒ กับริบมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธว่า มีดของกลางมิใช่ของจำเลย จำเลยไม่มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันชีวิตตามสมควรแก่เหตุ ข้อที่เคยต้องโทษและพ้นโทษนั้น รับว่าเป็นความจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐ ให้จำคุกไว้ ๑๐ ปี เพิ่มโทษฐานไม่เช็คหลายตามมาตรา ๙๒ หนึ่งในสาม คงเป็นโทษจำคุก ๑๓ ปี ๔ เดือน กับริบมีดของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำผิด
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้เสียหายโดยไม่มีเจตนาฆ่า เพียงทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส พิพากษาแก้เป็นว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ ลงโทษจำคุก ๔ ปี เพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา ๙๒ หนึ่งในสาม จำคุก ๕ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยใช้มีดของกลางแทงผู้เสียหายตามฟ้อง โดยจำเลยใช้มีดพกปลายแหลม มีใบมีดยาวเก้านิ้วฟุต ซึ่งวิญญูชนรู้ว่าหากใช้มีดนั้นแทงหน้าอกหรือกลางหลังอันเป็นอวัยวะสำคัญด้วยน้ำหนักมาก ก็มีผลให้ถึงตายได้ และบาดแผลตรงราวนม แม้ปรากฏว่าแผลไม่ถูกปอด แต่แพทย์ต้องเจาะเอาเลือดออกจากช่องปอดจำนวนถึงร้อยซีซี หากเลือดท่วมหรือเต็มปอดจะถึงตาย แสดงว่าแพทย์ได้รักษาไว้ได้ทันท่วงที พฤติการณ์กล่าวมานี้มีเหตุผลชี้บ่งว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย มิใช่เพียงเจตนาทำร้าย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น