คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 858/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้สืบให้เห็นว่าจำเลยมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต แม้จะฟังได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย และในชั้นสืบพยานจำเลย จำเลยจะตอบคำถามค้านของโจทก์ว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนมาก่อน ก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดฐานมีและพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงลงโทษจำเลยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไม่มีพยานเลขทะเบียน กระสุนปืน และพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนดังกล่าวพยายามฆ่าผู้อื่น ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องในความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยพยายามฆ่าผู้เสียหายดังฟ้อง สำหรับปัญหาในกระทงความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ เห็นว่า โจทก์มีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามที่โจทก์ฟ้อง แต่ในชั้นพิจารณาสืบพยานโจทก์นั้น โจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตในชั้นสืบพยานจำเลย เมื่อโจทก์ถามค้านตัวจำเลย จำเลยตอบว่าจำเลยไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีหรือพกพาอาวุธปืนชนิดใด ๆ มาก่อน คำตอบคำถามค้านเพียงเท่านี้เป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ทั้งสองข้อหา ซึ่งศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เพราะคำเบิกความตอบคำถามค้านของโจทก์ดังกล่าว มิอาจถือว่าเป็นการนำสืบของโจทก์ได้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยกระทำผิดในข้อหาเหล่านี้แล้ว จึงลงโทษจำเลยในข้อหาเหล่านี้ไม่ได้
พิพากษายืน

Share