แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา มีทางที่ศาลฎีกาจะพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ ถ้าจะให้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดให้แก่ผู้ร้องไปในระหว่างนี้ หากต่อมาศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จะทำให้โจทก์เสียหายและเป็นการยากที่จะเรียกเงินคืนโปรดมีคำสั่งให้งดการจ่ายเงินดังกล่าวไว้ก่อน
หมายเหตุ ผู้ร้องได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 148 แผ่นที่ 2)
กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่2442 ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 เพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอมต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการขายทอดตลาดทรัพย์ดังกล่าวโดยมีนายสมานแสงสว่างศรี ผู้ร้องเป็นผู้ประมูลได้ในราคาสูงสุดเป็นเงิน 5,011,000 บาท เมื่อผู้ร้องได้ชำระราคาครบถ้วนแล้วศาลชั้นต้นจึงมีหนังสือแจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรปราการให้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ร้อง โดยค่าอากรแสตมป์การขาย ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าใช้จ่ายอื่นให้เรียกจากผู้ร้อง
ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานที่ดินเรียกเก็บภาษีเงินได้จากการขายจากผู้ร้องเป็นเงิน 409,435 บาท ถ้าผู้ร้องไม่ชำระก็จะไม่รับจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ผู้ร้อง ผู้ร้องจึงได้ชำระค่าภาษีเงินได้ดังกล่าวแทนไปก่อนตามใบเสร็จรับเงินท้ายคำร้อง โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับเงินได้จากการขายทอดตลาดมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลสั่งคืนเงินจำนวน409,435 บาท แก่ผู้ร้อง โดยให้หักเอาเงินที่ผู้ร้องวางศาลเป็นค่าซื้อที่ดิน โจทก์แถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้นำเงินจากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนวน 409,435 บาท คืนให้แก่ผู้ร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 138,136)
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้งดจ่ายเงินให้แก่ผู้ร้องในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 120)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีมีเหตุสมควร จึงให้งดการจ่ายเงินตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไว้ในระหว่างฎีกา