แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษารอการลงโทษ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลย เป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกา และฎีกาของจำเลยก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า จำเลยมีพฤติการณ์ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ที่ศาลจะรอการลงโทษได้หรือไม่ ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยไว้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 27)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนันพ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,15 ฯลฯ จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 เดือนและปรับ 2,450 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุกจำเลย 4 เดือน โดยไม่ปรับลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 เดือน ฯลฯ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 23)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 27)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 3 เดือนและปรับ 2,450 บาท และให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำคุก 2 เดือน โดยไม่ปรับและไม่รอการลงโทษให้ การที่จำเลยฎีกาโต้แย้งเกี่ยวกับดุลพินิจของศาลว่าสมควรรอการลงโทษให้จำเลยนั้น จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 219 ให้ยกคำร้อง