แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 1 เดือน 10 วันจำเลยจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จำเลยฎีกาสรุปได้ว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามกฎหมายดังกล่าวจึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งคดีที่ศาลจะต้องหยิบยกขึ้นพิจารณาวินิจฉัยให้เป็นธรรมไม่ต้องห้ามฎีกา โปรดยกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 86)
ระหว่างพิจารณา ร้อยเอกปราโมทย์เกษบรรเทิง ผู้เสียหายขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 390 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ประกอบมาตรา 157 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุก 1 เดือนและมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78ประกอบมาตรา 160 วรรคหนึ่ง จำคุก 10 วัน รวมจำคุก 1 เดือน 10 วัน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 85)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลย 1 เดือน 10 วัน จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังมีข้อน่าสงสัย ศาลชอบที่จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้แก่จำเลย เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจของศาลในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลย ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง