แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทุเลาการบังคับแล้ว จำเลยจะฎีกาคัดค้านหาได้ไม่ ให้ยกฎีกา
จำเลยเห็นว่า เมื่อจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ทรัพย์สินของจำเลยก็จะต้องถูกจำหน่ายจ่ายโอนไปตามวิธีการขายทอดตลาดถ้าหากศาลอุทธรณ์มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นที่ทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปโดยจำเลยไม่ต้องตกเป็นผู้ล้มละลาย จะมีปัญหาตามมาภายหลังอย่างแน่นอน อีกทั้งจำเลยก็หมดโอกาสที่จะเรียกร้องทรัพย์สินของจำเลยให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อย โปรดกลับคำสั่งของศาลชั้นต้นและมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายทรงชัยเหลาหชัยอรุณ ลูกหนี้ (จำเลย)ล้มละลาย ตามมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483
จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ (จำเลย) ล้มละลายแล้ว เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะจัดการแบ่งทรัพย์สินของจำเลยต่อไปตามวิธีการที่บัญญัติไว้โดยเฉพาะในพระราชบัญญัติล้มละลาย จำเลยจะขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 ดังเช่นคดีแพ่งธรรมดาหาได้ไม่ ให้ยกคำร้อง (อันดับ 1)
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฎีกาดังกล่าว (อันดับ 2)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 4)
คำสั่ง
คำสั่งของศาลในเรื่องทุเลาการบังคับเป็นอำนาจเฉพาะศาลเมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งในเรื่องนี้อย่างใดแล้ว คู่ความจะฎีกาคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไม่ได้ ให้ยกคำร้อง