แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 จึงไม่รับ
จำเลยเห็นว่า แม้ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแต่ก็มีเหตุอันควรและเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 87)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 279 ให้จำคุกจำเลย 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคสอง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 85)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่า คำเบิกความของผู้เสียหายและนางยุพิน กองทรัพย์ พยานโจทก์แตกต่างขัดกัน เกิดจากการเสี้ยมสอนและพยานโจทก์ทั้งสองมีสาเหตุโกรธเคืองจำเลย จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง กับศาลอุทธรณ์มิได้หยิบยกคำเบิกความของนายสมาน สรรพคุณพยานจำเลยขึ้นประกอบการวินิจฉัยนั้นเป็นฎีกาคัดค้านดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218ส่วนที่จำเลยอ้างมาในคำร้องอุทธรณ์คำสั่งว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นท่านหนึ่งท่านใดลงลายมือชื่อรับรองในฎีกาจำเลยว่า เป็นปัญหาสำคัญอันสมควรสู่ศาลฎีกาวินิจฉัยอีกครั้งหนึ่งแต่ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งตามคำร้องของจำเลยนี้ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกาจำเลยนั้น เห็นว่า มิใช่กรณีที่ศาลฎีกาจะมีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลยได้ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง