คำสั่งคำร้องที่ 2773/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ร่วมที่ 2 ยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ฐานละเมิดลิขสิทธิ์โจทก์ร่วมที่ 2 ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 จึงไม่รับฎีกาโจทก์ร่วมที่ 2
โจทก์ร่วมที่ 2 เห็นว่าเอกสารหมาย จ.40 จ.43 เป็นเอกสารแบบฟอร์มการจดทะเบียนลิขสิทธิ์งานภาพยนตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นเอกสารของทางราชการและได้ผ่านการรับรองโดย โนตารี่พับบลิคเค้าน์ตี้เคอร์ดและกงศุลไทยรับรองอีกครั้งหนึ่งตามขั้นตอน แสดงว่าเอกสารนั้นมีอยู่จริงและมีข้อความตามที่ปรากฏอยู่ในเอกสารนั้น จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่สำคัญในการที่ศาลจะรับฟังพยานเอกสารของโจทก์ร่วมที่ 2 ที่ได้ทำขึ้นจากต่างประเทศและผ่านการรับรองโดยถูกต้อง สมควรที่ศาลฎีกาจะได้รับไว้พิจารณาเพื่อความกระจ่างแจ้งของหลักกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์และจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 93,95 แผ่นที่ 2)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 27,42,44,47,49 พระราชกฤษฎีกากำหนดเงื่อนไขเพื่อคุ้มครองลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ พ.ศ. 2526 มาตรา 3,4ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ระหว่างพิจารณา บริษัทเทเลวิชั่นบรอดแคสท์ จำกัด โดยบริษัทซีเนกรุ๊ปจำกัดผู้รับมอบอำนาจและบริษัทยูนิเวอร์แซลซิตีสตูดิโอส์อินส์จำกัดโดยบริษัทซีเนแอดส์ วีดีโอ จำกัดผู้รับมอบอำนาจ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาตและให้เรียกบริษัทเทเลวิชั่นบรอดแคสท์ จำกัด ว่าโจทก์ร่วมที่ 1เรียกบริษัทยูนิเวอร์แซลซิตี้สตูดิโอส์อินส์ จำกัด ว่าโจทก์ร่วมที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์พ.ศ. 2521 มาตรา 27 ประกอบมาตรา 44 วรรคสอง จำคุก 2 เดือน ปรับ20,000 บาท ในกรณีไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29,30 จำเลยกระทำความผิดครั้งแรก เพื่อให้จำเลยมีโอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดีเห็นสมควรรอการลงโทษไว้ 1 ปี แถบวีดีทัศน์ของกลางให้ตกเป็นของโจทก์ร่วมที่ 1 และค่าปรับจำนวนครึ่งหนึ่งให้จ่ายแก่โจทก์ร่วมที่ 1 ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาอื่น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 91 แผ่นที่ 2)
โจทก์ร่วมที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 93)

คำสั่ง
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ร่วมที่ 2ดังนั้นจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกา ทั้งในปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ร่วมที่ 2 นั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share