คำสั่งคำร้องที่ 1491/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฎีกาในข้อ 2(1) นั้น ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้นำพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 71(2) ขึ้นมาประกอบการพิจารณาในปัญหาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นประมาทหรือไม่ส่วนในข้อ 2(2) ปัญหาว่า จำเลยที่ 1 สมควรได้รับการรอการลงโทษหรือไม่ และในข้อ 2(3) ปัญหาว่า ในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78,160 ศาลจะเปลี่ยนโทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 1 มาเป็นโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาทแทนได้หรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 82)
คดีทั้งสองสำนวนนี้โจทก์เป็นบุคคลรายเดียวกัน ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกจำเลยในสำนวนแรกว่า จำเลยที่ 1 และเรียกจำเลยในสำนวนหลังว่า จำเลยที่ 2
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,300 พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522 มาตรา 43,78,157,160 ให้ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุก 1 ปี ฐานไม่ให้ความช่วยเหลือตามสมควรไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงาน จำคุก1 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 ลงโทษปรับ1,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ฐานขับรถยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสมีกำหนด 6 เดือน และลดโทษให้จำเลยที่ 1 ในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 78,160 วรรคแรก หนึ่งในสาม คงจำคุก20 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน 20 วัน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 79)
จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 80)

คำสั่ง
พิเคราะห์ฎีกาของจำเลยที่ 1 แล้ว ฎีกาข้อ 2.1 โต้เถียงโดยอ้างข้อกฎหมายเพื่อให้ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ขับรถโดยใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์แล้ว เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าจำเลยที่ 1ขับรถโดยไม่ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์โดยไม่พะวงรถที่ขับมาจากทางโท เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และฎีกาข้อ 2.2ที่มีใจความว่าสมควรรอการลงโทษและลงโทษปรับแทนโทษจำคุกในความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบกนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรเพียงไร เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเช่นกัน จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ยกคำร้อง

Share