แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นการฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริง และศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ข้อกฎหมายของจำเลยไม่เป็นสาระแก่คดี ไม่รับจำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทุกข้อเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแก่คดีกล่าวคือในข้อ 2.1 ว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่และเมื่อหนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ไม่ถูกต้องผู้รับมอบอำนาจจึงไม่มีอำนาจร้องทุกข์ ส่วนฎีกาข้อ 2.2ปัญหาว่า พยานเอกสารของโจทก์หมาย จ.2 และหมาย จ.7 ที่ขัดแย้งกัน อีกทั้ง คำเบิกความของพยานโจทก์นายธงชัย สุวรรณพาหุ ซึ่งเป็นพยานบอกเล่านั้นศาลย่อมรับฟังเป็นพยานลงโทษจำเลยไม่ได้ โปรดมีคำสั่ง ให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 78)
ระหว่างพิจารณา นายบุญยรักษ์ สวัสดิภาพ ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 4,000บาทไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกเห็นสมควรรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ร่วมถึงแก่กรรมนายจุรินทร์ สวัสดิภาพบุตรชายของโจทก์ร่วม ขอเข้าดำเนินคดีแทน
ศาลอุทธรณ์อนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 71)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 72)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำคุกจำเลย 1 ปีปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกรอไว้มีกำหนด 2 ปี ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่จำเลยฎีกาว่า พยานโจทก์ไม่มีผู้รู้ เห็นว่า จำเลยกระทำผิดเวลากลางคืน ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(3) ไม่ได้นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ส่วนฎีกาจำเลยเกี่ยวกับอำนาจฟ้องนั้นเห็นว่า เป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี อันควรได้รับการวินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง