แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า คดีนี้เป็นคดีฟ้องขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาท ส่วนค่าเช่าที่เรียกจากจำเลยนั้นเป็นเพียงประเด็นปลีกย่อย อีกทั้งในชั้นอุทธรณ์ผู้พิพากษาก็ได้รับรองอุทธรณ์ของจำเลยไว้แล้ว นอกจากนี้ในประเด็นข้อที่ 2 ก็เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระค่าเช่าและบอกเลิกสัญญาเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ฉะนั้นจำเลยจึงมีสิทธิฎีกาได้ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 121 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและอาคารที่พิพาท และห้ามมิให้เกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระจำนวน 3,200 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้จำเลยชำระค่าขาดประโยชน์ในการใช้อาคารที่พิพาทเดือนละ 500 บาทนับตั้งแต่วันฟ้องจนถึงวันที่จำเลยและบริวารออกจากที่ดินและอาคารที่พิพาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 118)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 119)
คำสั่ง
คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลยเพราะเห็นว่าเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224จำเลยจึงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ได้ ให้รับฎีกาของจำเลย