คำสั่งคำร้องที่ 57/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นสั่งว่า กรณีศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 2 ปี แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้ไม่รอการลงโทษ ซึ่งเป็นการแก้ไขมากแต่ศาลอุทธรณ์มิได้เพิ่มเติมโทษจำเลย จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ที่แก้ไขใหม่ จึงไม่รับจำเลยเห็นว่า คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แม้จะไม่รอการลงโทษให้กับจำเลยก็เป็นการแก้ไขมากและเป็นการเปลี่ยนโทษ ซึ่งจำเลยจะต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ จึงสมควรให้ศาลฎีกาวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 4,7,47,48,73,74 ทวิ,74 จัตวา,75 ฯลฯ ลงโทษฐานตั้งโรงงานแปรรูปไม้ฯ จำคุก 1 ปี ปรับ 10,000 บาทฐานแปรรูปไม้สักซึ่งเป็นโทษหนัก จำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท และฐานมีไม้สักแปรรูปฯ จำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท เรียงกระทงลงโทษรวมเป็นจำคุก 3 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี 6 เดือน ปรับ 10,000 บาทพิเคราะห์ตามรายงานการสืบเสาะของพนักงานคุมประพฤติแล้ว โทษจำคุกให้รอไว้ 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่รอการลงโทษไม่ปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 42)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 44)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17)พ.ศ. 2532 มาตรา 12 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share