แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้มีทุนทรัพย์ ชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว จำเลยฎีกาว่าโจทก์เพียงแต่ครอบครองที่ดินพิพาทแทนเท่านั้น เป็นฎีกาที่โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานอันเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามตัวบทกฎหมายดังกล่าว จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยแม้จะเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริง แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งได้รับยกเว้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรค 2 โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลย ไว้พิจารณา พิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ทนายโจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินพิพาทตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 421 ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าพล อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 23 ตารางวาเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลย และบริวารเกี่ยวข้องหรือกระทำการใด ๆ อันเป็นการรบกวนสิทธิ ของโจทก์ในที่ดินพิพาทดังกล่าว
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 67)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 69)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้มีทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน สองแสนบาทแม้จะเป็นคดีเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ก็ต้องห้ามมิให้ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2534 มาตรา 18 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ