แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า พิเคราะห์ฎีกาแล้วยังไม่มีเหตุสมควรที่จะฎีกาได้ไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาให้ทั้งหมด โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ 3.1 เป็นฎีกาที่โจทก์ โต้แย้งในปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไปโดย ไม่ถูกต้อง ไม่ยึดหลักเกณฑ์ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และฎีกาข้อ 3.2 เป็นฎีกาที่โจทก์โต้แย้งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย เป็นการนอกประเด็น ฎีกาทั้งสองข้อนี้เป็นฎีกาในปัญหา ข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และเป็นสาระสำคัญแห่งคดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาส่วนฎีกาข้อ 3.3 เป็นฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์ เห็นผิดไปในเรื่องของ “เงินจากยอดราคาขายที่ดินกับเงินที่ จะใช้สำหรับค่านายหน้า”ตามข้อกฎหมายประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 จึงเป็นข้อกฎหมายที่เป็นสาระสำคัญแห่งคดีอันควร ได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา และฎีกาข้อ 3.4 ที่ว่า เงินที่จำเลยทั้งห้าได้ตัดเอาไปจากยอดราคาขายที่ดินของโจทก์ ย่อมไม่ใช่เงินค่านายหน้า แต่เป็นเงินส่วนหนึ่งของเงินราคาที่ดิน ดังนั้นเงินที่ขาดจำนวนไปจากยอดราคาขายที่ดินย่อมเป็นเงิน ที่จำเลยทั้งห้ายังไม่ชำระราคาที่ดินให้ครบ ไม่ใช่ค่านายหน้าอย่างที่ศาลเห็น จึงเป็นฎีกาที่โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ ในปัญหาข้อเท็จจริงว่าไม่ถูกต้องและเป็นสาระสำคัญแห่งคดี อันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกา โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกา ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ จำเลยทั้งห้ายังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน 199,423 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี ในต้นเงิน 160,825 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 86) โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยทั้งห้า ได้ชำระราคาที่ดินให้โจทก์ครบถ้วนแล้ว ส่วนเงินที่โจทก์ฟ้อง เรียกเอาจากจำเลยทั้งห้านั้น เป็นเงินที่จำเลยทั้งห้าหักไว้ เป็นค่านายหน้า โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งห้าไม่ใช่นายหน้า ขายที่ดินให้โจทก์ และโจทก์ไม่เคยตกลงให้จำเลยหักค่านายหน้าไว้ จำเลยทั้งห้าจึงไม่มีสิทธิหักเงินค่าที่ดินดังกล่าวไว้ เป็นฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง