คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

กระทรวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคลและตกอยู่ในกรอบของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 กล่าวคือมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ กฎหมาย ดังมีกำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม 2484 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับ ทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลโจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้

ย่อยาว

กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2488 บริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยจำกัดได้ทำสัญญาจ้างเหมาให้สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดขนน้ำตาลจากจังหวัดลำปางมายังจังหวัดพระนครสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดได้จ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลจากจังหวัดอุตรดิตถ์ถึงท่าเรือจังหวัดพระนครจำเลยได้ทำผิดสัญญาโดยทำน้ำตาลขาดหายไป 858 กระสอบ คิดเป็นเงินค่าเสียหาย 726,070 บาท 85 สตางค์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมขอผัดชำระหนี้ เมื่อได้จำนวนที่ขาดหายแน่นอน แต่แล้วจำเลยก็ไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับพร้อมด้วยให้ชำระดอกเบี้ยจำเลยให้การตัดฟ้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด เพราะสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดตั้งขึ้นแต่โดยมติคณะรัฐมนตรี มิได้มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นกระทรวงทบวงกรมขึ้นอยู่แก่โจทก์

ศาลแพ่งดำเนินการพิจารณาชั้นอำนาจฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้ววินิจฉัยว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเกิดขึ้นโดยมติคณะรัฐมนตรี ไม่มีกฎหมายให้ตั้งขึ้นเป็นหน่วยราชการของรัฐบาล สำหรับเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์แทนรัฐบาล ซึ่งมีหุ้นอยู่ในบริษัทจังหวัดต่าง ๆ บริษัทจังหวัดต่าง ๆ ต่างจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดหาได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลไม่ ค่าใช้จ่ายของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ตามที่โจทก์อ้างว่าได้มีการโอนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดจากกรมสรรพสามิตกระทรวงการคลังให้ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ตามเอกสารหมาย จ.1 แต่เอกสารหมาย จ.1 ไม่มีข้อความตอนใดระบุให้โอนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดไปอยู่ในความควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ จึงพิพากษาว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด ให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า โจทก์เป็นกระทรวงและมีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามพระราชบัญญัติระเบียบราชการบริหารแห่งประเทศไทย 2476 มาตรา 14 บังคับว่าการแบ่งราชการออกเป็นส่วนต่าง ๆ ในสำนักงานปลัดกระทรวงและกรม จะทำได้โดยพระราชกฤษฎีกา แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่า การตั้งสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดจะต้องทำเป็นพระราชกฤษฎีกาด้วย ถ้าการตั้งสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นการแบ่งส่วนราชการแล้วไม่มีปัญหา ต้องกระทำเช่นนั้น แต่ถ้าหากเป็นเพียงดำเนินงานของสำนักงานปลัดกระทรวงหรือกรมโดยไม่ใช่เป็นการแบ่งส่วนราชการแล้ว ย่อมกระทำได้โดยไม่ต้องมีพระราชกฤษฎีกากระทรวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคลและตกอยู่ในกรอบประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 มีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของตน ดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งซึ่งพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม พ.ศ. 2484 ดังที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2485 มาตรา 17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่า กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์มาตรา 17 ตรีและพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้วไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์นี้ มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ โจทก์ไม่ได้แสดงเลยว่า กิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำนี้ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ได้ตั้งขึ้นเพื่อควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วเอามาจ้างขนต่อ ฉะนั้นที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดทำสัญญาจ้างจำเลยขนน้ำตาลเพื่อหากำไร จึงเป็นการนอกวัตถุที่ประสงค์ของการตั้งสำนักงานและการกระทำนี้ แม้ผู้กระทำจะกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ดังโจทก์ฎีกา แต่เมื่อการนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ การนั้นก็หาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์ไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ การที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้ให้ตั้งสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดขึ้นก็ดี การที่คณะรัฐมนตรีลงมติให้สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดย้ายมาขึ้นอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ก็ดี ไม่ทำให้กระทรวงพาณิชย์มีสิทธิและหน้าที่มากกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ เพราะคณะรัฐมนตรีมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายพิพากษายืน

Share