แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ชายฉุดคร่าหญิงไป แม้จะมีเจตนาเอาไปเป็นภริยาก็หาเป็นเหตุให้พ้นผิดฐานฉุดคร่าอนาจารตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 276 ไม่
ชายฉุดคร่าหญิงขึ้นเรือนแล้วจะเอาเข้าห้อง หญิงดิ้นไม่ยอมเข้าห้อง จำเลยไปช่วยเขาผลักดันให้หญิงเข้าไปในห้อง ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ลงโทษฐานสมรู้ช่วยเหลืออุปการะแก่ผู้ชายผู้กระทำผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 276,65 จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายืน
ชายจับมือถือแขนหญิงในที่สาธารณะสถานแม้จะจับด้วยความรักใคร่ ก็มีผิดฐานกระทำอนาจารตามมาตรา 246
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 214 แต่ไม่ผิดตามมาตรา 276 จำคุก 3 เดือนศาลอุทธรณ์แก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา 276 ด้วยให้จำคุก 9 เดือน แม้จะถือว่าเป็นการแก้มาก แต่คงลงโทษ ไม่เกิน1 ปี ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาในข้อเท็จจริง
ย่อยาว
คดีได้ความว่า นายเฮียงจำเลยฉุดคร่านางสาวป่วนขึ้นบนเรือนจะเอาเข้าห้อง นางสาวป่วนดิ้น ไม่ยอมเข้า นางแก้วจำเลยผู้เป็นมารดานายเฮียง จึงมาช่วยดันนางสาวป่วนเข้าไปในห้อง แล้วนายเฮียงกอดปล้ำจะให้นางสาวป่วนนอน แต่นางสาวป่วนดิ้นลุกขึ้นยืน นายทำนายสานจำเลยเข้าไปในห้องขวางประตู ไม่ให้นางสาวป่วนออก ต่อมาพี่ชายนางสาวป่วนจึงมารับนางสาวป่วนกลับไป โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นายเฮียง นายทำ นายสานผิดตามมาตรา 270จำคุกนายเฮียง 3 เดือน นายทำนายสานคนละ 1 เดือน นางแก้วพยานหลักฐานไม่พอ ให้ปล่อยตัวไป
นายตุ่นโจทก์ และจำเลยที่ต้องโทษอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่นายเฮียงฉุดคร่านางสาวป่วนไปนั้นแม้จะฟังว่า มีเจตนาจะเอาเป็นภริยาก็เป็นผิดตามมาตรา 276 ตามนัยฎีกาที่ 960/2480 และนางแก้วมารดาได้ช่วยผลักดันนางสาวป่วนเข้าห้อง ต้องมีผิดฐานสมรู้กับนายเฮียง ในฐานความผิดตามมาตรา 276, 65 ด้วย
สำหรับข้อหาอีกข้อหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ฟังว่านายเฮียงจำเลยได้จับมือถือแขนนางสาวป่วนในที่สาธารณสถาน มีผิดตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่ง จึงพิพากษาแก้ว่า นายเฮียงจำเลยผิดตามมาตรา 276, 270 กระทงหนึ่ง ให้จำคุก 9 เดือน กับผิดตามมาตรา 246 อีกกระทงหนึ่งให้จำคุก 1 เดือน รวม 2 กระทงเป็นโทษจำคุก 10 เดือน นางแก้วผิดตามมาตรา 276, 65 ให้จำคุก 6 เดือน ลดฐานปรานีกึ่งหนึ่งคงจำคุก 3 เดือน และให้รอการลงอาญาไว้ นอกนั้นคงยืน
นายเฮียง นางแก้ว จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน