แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายกัน จำเลยผิดสัญญา แม้โจทก์ได้บอกเลิกสัญญากับจำเลยแล้วก็ยังมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่า เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2493 จำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายเสาเข็มให้โจทก์ 2,000 ต้น ราคาต้นละ 16.50 บาทรับเงินล่วงหน้าไป 4,950 บาทจำเลยที่ 1 ส่งเสาได้ 624 ต้น นอกนั้นไม่ได้ส่งตามกำหนด โจทก์ต้องซื้อเสาเข็มจากที่อื่นแทนเป็นจำนวน 1300 ต้น ราคาต้นละ 25.00 บาทบ้าง 26.00 บาทบ้าง ต้องเสียแพงไป 7,800 บาทเศษ โจทก์จึงบอกเลิกสัญญา ต่อมาจำเลยทั้ง 2ได้ไปทำสัญญาใหม่ยอมรับว่าได้ผิดสัญญาจริง ขอส่งเสาให้ 551 ต้น แทนค่าเสียหาย แต่จำเลยไม่ได้ส่งเสาให้โจทก์ได้ตามสัญญา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ผู้เดียวฎีกาทั้งปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาเห็นว่าปัญหาที่ว่าโจทก์ได้ใช้สิทธิเลิกสัญญาแล้ว โจทก์จำเลยก็ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิมดังก่อนทำสัญญานั้น ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 วรรคท้ายบัญญัติไว้ชัดเจนว่าไม่กระทบกระทั่งถึงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย ฎีกาจำเลยที่ 1 ข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น ส่วนข้อเท็จจริงอื่นที่จำเลยฎีกามา ศาลฎีกาเห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษายืน