แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำเสนอที่มีข้อความว่า มีความประสงค์จะซื้อแร่ 60 ตัน แต่จะซื้อวันนี้เพียง 10 ตันนั้นถือว่าเป็นคำเสนอขอซื้อ 10 ตัน ส่วนอีก 50 ตันเป็นเพียงคำปรารภไม่ใช่คำเสนอและไม่ใช่คำมั่นจะซื้อ
มีหนังสือเสนอซื้อแร่ในวันนั้น ฝ่ายผู้ขายก็สนองรับขายในวันนั้นถือว่าเป็นคำเสนอแก่ผู้อยู่เฉพาะหน้า ซึ่งจะสนองรับได้แต่ ณ ที่นั้นเวลานั้นเท่านั้น คำเสนอในส่วนที่ไม่สนองรับก็ย่อมสิ้นผล
ฝ่ายผู้ขายมีหนังสือถึงฝ่ายผู้ซื้อว่าตามที่ตกลงขายแร่ให้ส่วนที่เหลือผู้ซื้อจะมารับเมื่อไร ซึ่งความจริงไม่มีการเสนอสนองทำสัญญาในแร่ส่วนนี้ ดั่งนี้ ไม่ถือว่าเป็นคำสนอง เป็นแต่กล่าวอ้างถึงสิ่งซึ่งไม่มีและในกรณีที่มีคำเสนออยู่ก่อน ก็ย่อมทำให้กลายเป็นคำเสนอขึ้นใหม่ตาม มาตรา 359 ไม่ได้
คนหนึ่งบอกขายทรัพย์อีกคนหนึ่งบอกว่า เต็มใจซื้อ แต่มีอุปสรรคหรือยังไม่มีเงินนั้น ไม่ถือว่าเป็นคำสนอง
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายกันในเดือนกันยายนศาลจะตัดสินว่าทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลยเกิดขึ้นในเดือนอื่นไม่ได้เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาซื้อขายแร่ดีบุก ขอให้จำเลยส่งแร่ 50 ตัน กับรับชำระราคาจากโจทก์สองแสนบาท กับใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ห้าหมื่นบาท
จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีสัญญาต่อกัน
ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ชนะคดี แต่มีความเห็นแย้ง
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังว่าเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2486 โจทก์มีหนังสือถึงผู้จัดการบริษัทจำเลยว่า โจทก์มีความประสงค์ขอซื้อแร่ดีบุก 60 ตันเพื่อส่งออกนอกประเทศ แต่จะขอซื้อวันนี้เพียง10 ตันก่อน ที่เหลือจะขอซื้อเป็นคราว ๆ จนกว่าจะหมด มีบันทึกของผู้ช่วยผู้จัดการบริษัทจำเลยที่ท้ายหนังสือนั้นว่า ตกลงขายให้ 10 ตันก่อน และมีคำสั่งให้ดำเนินการ และลงวันที่ 25 กันยายน 2486 ศาลฎีกาเห็นว่าดีบุก 60 ตันนั้นโจทก์บอกไว้เป็นเชิงปรารถไม่ใช่คำมั่นว่าจะซื้อ และกรณีนี้เป็นเรื่องคำเสนอแก่ผู้อยู่เฉพาะหน้าซึ่งย่อมจะสนองรับได้แต่ ณ ที่นั้นเวลานั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 356 ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำเสนอในดีบุกอีก 50 ตันยังมีอยู่จนจำเลยทำการสนองรับในวันที่ 20 ธันวาคม 2486 ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะคำเสนอไม่มีแล้ว
หนังสือฉบับลงวันที่ 20 ธันวาคม 2486 ที่ฝ่ายจำเลยมีถึงโจทก์มีความว่า ตามที่บริษัทตกลงขายดีบุกให้ 60,000 ก.ก. รับไปแล้ว 11,029 ก.ก.เศษ เหลืออีก 48,970 ก.ก. เศษ บริษัทอยากทราบว่าท่านจะมารับเมื่อไร ฝ่ายโจทก์ว่าเมื่อรับหนังสือนี้แล้วก็รีบไปติดต่อเพื่อขอรับแร่ แต่ขอผัดรับแร่เพราะมีอุปสรรคบางอย่างศาลฎีกาเห็นว่า หนังสือนั้นไม่มีข้อความเป็นคำสนอง เป็นแต่กล่าวท้าวถึงสิ่งซึ่งไม่มี จึงกลายเป็นคำเสนอใหม่ตาม มาตรา 359 ไม่ได้และศาลฎีกาเห็นว่าการที่บุคคล 1 บอกขายทรัพย์ อีกคน 1 ตอบว่าเต็มใจซื้อ แต่เวลานี้ยังมีอุปสรรคหรือไม่มีเงินนั้นจะถือว่าเป็นคำสนองตลอดไปจนกว่าจะมีเงินไม่ได้
ข้อที่ศาลอุทธรณ์ว่าแม้ไม่มีความตกลงในเดือนกันยายน ก็เกิดความตกลงในเดือนธันวาคมนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์