แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาประกันมีข้อความว่า “ถ้าจำเลยหลบหนีหายเอาตัวมาบังคับบัญชาไม่ได้ ยอมรับผิดใช้เงินทดแทน” นั้น ถ้าปรากฏว่า จำเลยมีเหตุจำเป็นมาศาลตามนัดไม่ได้ ศาลจะถือว่า จำเลยหลบหนีอันเป็นเหตุให้ปรับนายประกันตามสัญญานั้นยังไม่ได้
การที่จะถือว่า จำเลยหลบหนีหรือไม่นั้น ต้องแล้วแต่ว่าการที่จำเลยไม่มาศาลนั้น มีเหตุจำเป็นหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่มีเหตุจำเป็นแต่ไม่มาศาลเฉยๆ ดังนี้ก็อาจถือว่าจำเลยหลบหนีได้
ศาลอุทธรณ์แก้ไม่ปรับนายประกันอัยการโจทก์ฎีกาขอให้ปรับนายประกันได้
ย่อยาว
คดีเรื่องนี้มีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะเรื่องผิดสัญญาประกันได้ความว่า นายจันทร์กับพวกได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวจำเลยทั้งสองคนไป ในสัญญาประกันข้อสองมีข้อความว่า “ในระหว่างประกันนี้ถ้าจำเลยหลบหนีหาย ศาลจะเอาตัวมาพิจารณาบังคับบัญชาไม่ได้เมื่อใด ข้าพเจ้ายอมรับผิดใช้เงินเป็นจำนวน 2,000 บาท ทดแทนให้แก่ศาลจนครบ” ครั้นถึงวันนัด จำเลยทั้งสองไม่มาศาล นายประกันจึงยื่นคำร้องขอเลื่อนการพิจารณาไป 15 วัน เพื่อตามตัวจำเลยศาลชั้นต้นสั่งถอนประกันหมายจับจำเลย และให้เลื่อนคดีไป ต่อมานายประกันนำตัวจำเลยทั้งสองมาศาล ได้ความว่า เหตุที่จำเลยทั้งสองขาดนัด เป็นเพราะนายเป้าจำเลยเป็นไข้จับสั่นมีอาการมากไม่สามารถมาศาลได้ ส่วนนายประเสริฐจำเลยคุมล้อวัวไปค้าขายทางจังหวัดตาก ซึ่งตามปกติจะกลับได้ทันวันนัด แต่บังเอิญวัวเทียมล้อหายในระหว่างทาง ต้องติดตามอยู่ จึงกลับไม่ทันวันนัด
ได้ความดังนี้ ศาลชั้นต้นได้ใช้ดุลพินิจ ปรับกรณีนายเป้า 100 บาทนายประเสริฐ 1,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ปรับนายประกันเสีย
โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องจำเลยขาดนัดเช่นนี้จะปรับนายประกันตามสัญญาข้อ 2 ได้หรือไม่ ก็สุดแล้วแต่ว่าการขาดนัดนั้นได้เป็นไปโดยจำเป็นหรือไม่ ถ้าปรากฏว่าจำเลยคงมีตัวอยู่ไม่ได้หลบหนีแต่ไม่มาศาลตามนัด ก็ฟังได้ว่าหลบหนีศาล เป็นเหตุให้ศาลเอาตัวมาพิจารณาบังคับบัญชาไม่ได้ซึ่งนายประกันจะต้องรับผิดตามสัญญาข้อสอง แต่ถ้าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยเหตุจำเป็นแม้จำเลยหรือนายประกันจะไม่ได้แจ้งให้ศาลทราบ ก็เป็นแต่ไม่ปฏิบัติตามที่ควร ซึ่งอาจเป็นผลร้ายแก่จำเลย เช่นถูกศาลถอนประกันเสียเป็นต้น แต่จะถือว่าหลบหนียังไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงในคดีนี้พอถือได้ว่า มีเหตุจำเป็น จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์