คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกจับฐานมีหัวกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตต่อมาได้มีพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2501 มาตรา 10 บัญญัติให้นำอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดสำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามมามอบให้นายทะเบียนท้องที่ภายใน 90 วัน โดยผู้นั้นไม่ต้องรับโทษนั้น เมื่อหัวกระสุนปืนของกลางอยู่ในมือเจ้าพนักงานอยู่แล้ว ก็ไม่จำต้องให้จำเลยขอคืนมาทำพิธีมอบใหม่อีก จำเลยย่อมได้รับผลของกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจมีหัวกระสุนปืนเจาะเกราะซึ่งใช้กับปืนกล2 ลูก ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้จดทะเบียนรับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิเ ดอกไม้เพลิง และ สิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2499 มาตรา 55, 78 และ ฉบับที่ 3 พ.ศ. 2501 มาตรา 5, 8 ให้จำคุก 1 ปี จำเลยรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 6 เดือน ของกลางริบ

จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษหรือลดหย่อนโทษลงอีก

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ของกลางอยู่กับเจ้าพนักงานแล้ว เมื่อมีกฎหมายให้นำมามอบให้แก่นายทะเบียนท้องที่ จำเลยย่อมได้รับผลไม่ต้องรับโทษ จึงพิพากษายกฟ้อง ของกลางให้ริบ

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2501 มาตรา 10 บัญญัติว่า “ผู้ใดมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิด สำหรับใช้เฉพาะแต่ในการสงครามตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงตามความแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้นำอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนหรือวัตถุระเบิดดังกล่าวมามอบให้กับนายทะเบียนท้องที่ภายในกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่กฎกระทรวงใช้บังคับ ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ” ความประสงค์ของกฎหมายนี้ก็เพื่อรวมรวมอาวุธดังกล่าวมาไว้ในมือ เจ้าพนักงานของรัฐบาล ผู้มีไว้นำมามอบแล้วกฎหมายยกเว้นไม่เอาโทษในความผิดที่มีสิ่งเหล่านี้ไว้ จำเลยมีหัวกระสุนปืนของกลางมาก่อนถูกเจ้าพนักงานจับและยึดเอาหัวกระสุนปืนไป เมื่อใช้กฎหมายนี้ หัวกระสุนปืนของกลางอยู่ในมือเจ้าพนักงานอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องให้จำเลยขอคืนมาทำพิธีมอบใหม่อีก จำเลยย่อมได้รับผลของกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ชอบแล้ว พิพากษายืน

Share