แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ได้ความตามฟ้องของโจทก์และคำให้การของจำเลยว่าโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยโดยอ้างว่าจำเลยอาศัย ที่พิพาทมีโฉนดจำเลยให้การไม่รับรองโฉนด หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นสมยอมไม่สุจริตจำเลยไม่ได้อาศัยที่พิพาทนายนวมให้จำเลยๆ ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นชี้สองสถานจำเลยแถลงว่าแม้ที่จะอยู่ในเขตโฉนดจำเลยก็ได้ครอบครองมา 15 ปีแล้วการรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในคำให้การที่ว่าโจทก์สมยอมโอนกันโดยไม่สุจริตซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการวินิจฉัยคดีไม่ได้เพราะในรายงานพิจารณามิได้ปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองมีกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดที่ 5489จังหวัดนครสวรรค์โดยนายพวงยกให้จำเลยทั้ง 2 ได้อาศัยที่ดินของโจทก์ปลูกแพประมาณ 20 วา บัดนี้โจทก์ประสงค์ได้คืน จำเลยขัดขืนขอให้ขับไล่จำเลยและบริวาร
จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทจะมีโฉนดจริงหรือไม่และโจทก์ได้รับโอนจากนายพวงจริงหรือไม่จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง หากมีจริงก็สมยอมจำเลยมิได้อาศัยที่ดินโจทก์และไม่เคยผ่อนผัน นายนวมตายไปประมาณ 15 ปี ระหว่างมีชีวิตยกที่ดินรวมทั้งที่พิพาทให้จำเลย นายนุ่นและนายพวงทำกิน เมื่อนายนวมตาย จำเลย นายนุ่น นายพวงได้ใช้สิทธิครอบครองเป็นสัดส่วนกันมาโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของและตัดฟ้องว่าคดีขาดอายุความและฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
เมื่อทำแผนที่พิพาทแล้วจำเลยแถลงว่า แม้เขตที่พิพาทจะอยู่ในโฉนดของโจทก์ จำเลยก็ได้ครอบครองเป็นปรปักษ์ต่อฝ่ายโจทก์มาเป็นเวลา 15 ปีแล้วจำเลยย่อมได้กรรมสิทธิ์โดยอายุความ การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่เมื่อไรฝ่ายจำเลยไม่เคยทราบมาก่อนเลยฝ่ายโจทก์ว่าเพิ่งรู้เห็นว่าฝ่ายจำเลยครอบครองที่พิพาทเมื่อ 4-5 ปีมานี่เอง ก่อนนั้นไม่ทราบและการครอบครองของฝ่ายจำเลยมีขึ้นได้ก็โดยนายพวงผู้โอนที่นี้ให้โจทก์เป็นผู้อนุญาตให้อาศัยอยู่มาก่อน เมื่อที่โอนมาเป็นของโจทก์แล้ว โจทก์จึงบอกเลิกการให้อาศัยส่วนการรังวัดออกโฉนดนั้น ฝ่ายโจทก์ว่าจำเลยน่าจะรู้ดี เพราะจำเลยมีที่อยู่ติดต่อไปทางด้านตะวันออกมีมาก่อนแล้ว ฝ่ายจำเลยว่าจำเลยได้รับส่วนแบ่งมาจากนายนวมบิดาโดยนายนวมบิดายกให้แล้วครอบครองมาตั้งแต่นั้นมา
คู่ความคงโต้เถียงกันแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้น
ได้ความดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายวินิจฉัยว่าวิธีการปฏิบัติเพื่อออกโฉนดถูกต้องหรือไม่นั้น จำเลยแถลงแต่เพียงว่า จะได้มีการรังวัดจริงหรือไม่ ไม่เคยทราบซึ่งมิใช่การปฏิเสธคงเพียงไม่ยอมรับรองเฉย ๆ เท่านั้น ก็ไม่ปรากฏมีเหตุอื่นใดที่จะแวดล้อมให้เห็นว่าความไม่รู้ของจำเลยเกิดแต่ความไม่มีจริงแต่อย่างเดียวจึงไม่ใช่ข้อทุ่มเถียงอันจะทำให้เกิดเป็นประเด็นขึ้นในคดีนี้ ในเรื่องการครอบครองฟังว่าจำเลยครอบครองไม่ถึง 10 ปี จึงไม่มีสิทธิจะอยู่ในที่พิพาท พิพากษาให้ขับไล่
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าแม้ศาลชั้นต้นจะได้เขียนไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาว่า คู่ความคงโต้เถียงกันแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนด กับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้นก็ดี แต่คู่ความยังติดใจสืบพยานอยู่ ตามที่ศาลชั้นต้นได้จดบันทึกดังกล่าวก็ไม่มีข้อความว่า คู่ความสละข้ออ้างอื่น ๆ หมด คู่ความจะขอสืบพยานแต่เฉพาะประเด็นที่โต้เถียงกันเท่านั้นและข้อที่จำเลยให้การต่อสู้ว่า หากมีโฉนดหรือได้รับโอนมาจริงก็เป็นการสมคบสมยอมกันอันเป็นการกระทำที่ไม่สุจริตนั้น ก็ยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ยอมรับ ไม่มีข้อโต้เถียงแล้วหรือประการใด เพียงที่ปรากฏในสำนวนเท่าที่ศาลชั้นต้นได้ปฏิบัติมา ไม่พอที่จะขับไล่จำเลย เพราะจำเลยยังให้การอ้างสิทธิที่ครอบครองตลอดมาจนกระทั่งถึงวันฟ้องและอ้างว่าโจทก์ไม่สุจริตอยู่พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานของคู่ความจนสิ้นกระแสความแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำฟ้องคำให้การและคำแถลงของคู่ความคงสรุปได้ใจความว่า โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยอาศัยที่ดินมีโฉนดออกเมื่อ พ.ศ. 2492 โจทก์รับโอนมาเมื่อ พ.ศ. 2496
จำเลยให้การไม่รับรองโฉนดของโจทก์หากมีและโจทก์รับโอนมาก็เป็นการสมคบสมยอมกันอันไม่สุจริต จำเลยไม่ได้อาศัย ที่แปลงนี้นายนวมให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองมา 15 ปีแล้ว
ชั้นชี้สองสถาน จำเลยแถลงว่า แม้ที่จะอยู่ในโฉนดโจทก์ก็ดีจำเลยก็ได้ครอบครองเป็นปรปักษ์มา 15 ปีแล้ว การรังวัดเพื่อออกโฉนดจะทำกันหรือไม่ไม่ทราบ
ในที่สุดปรากฏในรายงานพิจารณาว่าคู่ความคงโต้เถียงแต่ในเรื่องความสมบูรณ์ของการออกโฉนดกับเหตุแห่งการได้มาซึ่งการครอบครองของฝ่ายจำเลยเท่านั้น ได้ความเพียงเท่านี้จะถือว่าจำเลยยอมสละข้อโต้เถียงในการวินิจฉัยคดีไม่ได้ เพราะในรายงานพิจารณาชั้นชี้สองสถานมิได้มีปรากฏให้เห็นเป็นเช่นนั้น
พิพากษายืน