แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นผู้ช่วย ว.ซึ่งเป็นผู้อนุบาลคนเดิมที่ดูแลและเลี้ยงดูอ. ซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกันตลอดมา และนับแต่ ว. ถึงแก่กรรมผู้ร้องก็เป็นผู้ดูแลและพา อ. ไปรักษายามเจ็บป่วยมาโดยตลอด ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งปกครองดูแล อ.คนไร้ความสามารถจึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้อนุบาลของอ. ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28
เมื่อคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของ อ. ในอันที่จะได้อยู่ในบ้านเดิมที่ตนได้พักอาศัยตลอดมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันเป็นเวลาเกินกว่า 50 ปี การได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์อย่างต่อเนื่องและความรัก ความอบอุ่น รวมตลอดถึงความห่วงใยแล้วผู้ร้องมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาลของ อ.มากกว่าผู้คัดค้านทั้งปรากฏว่าอ. บรรลุนิติภาวะแล้วไม่มีคู่สมรสและบิดามารดา ศาลจึงมีอำนาจแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของ อ.แทนว. ซึ่งเป็นผู้อนุบาลคนเดิมที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 วรรคสอง ประกอบมาตรา 1569/1
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอและแก้ไขคำร้องขอว่า นางสาวเอิบ นิรามัย หรือขจรเนติยุทธคนไร้ความสามารถ เดิมอยู่ในความอนุบาลของนางสาววัชรี นิรามัย ซึ่งเป็นพี่สาว ผู้ร้องเป็นบุตรบุญธรรมของนางสาววัชรี นางสาววัชรีถึงแก่กรรม ระหว่างที่นางสาววัชรียังมีชีวิตอยู่ผู้ร้องได้ร่วมปกครองดูแลนางสาวเอิบมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี นางสาววัชรีได้ทำพินัยกรรมแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบต่อไป
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องคัดค้าน ขอให้มีคำสั่งแต่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแต่งตั้งนางสาววราห์ นิรามัย ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลนางสาวเอิบนิรามัย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 ยกคำคัดค้าน
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2510 ศาลมีคำสั่งให้นางสาวเอิบ นิรามัยหรือขจรเนติยุทธ เป็นคนไร้ความสามารถให้อยู่ในความอนุบาลของนางสาววัชรี นิรามัย นางสาวเอิบเป็นพี่น้องร่วมมารดาเดียวกันกับนางสาววัชรีและพันตำรวจเอกเกษม นิรามัย เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม2537 นางสาววัชรีจดทะเบียนรับผู้ร้องเป็นบุตรบุญธรรม ในวันที่ 25 กรกฎาคม 2540นางสาววัชรีถึงแก่กรรม ผู้ร้องเป็นผู้ดูแลนางสาวเอิบต่อมาโดยพักอาศัยอยู่ด้วยกับที่กรุงเทพมหานคร นางสาวเอิบยังเป็นบุคคลวิกลจริตอยู่ ส่วนผู้คัดค้านเป็นบุตรของพันตำรวจเอกเกษมกับนางกัญญา นิรามัย รับราชการอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านประการแรกว่าผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้แต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบหรือไม่ โดยผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องมิใช่ญาติของนางสาวเอิบการที่นางสาววัชรีจดทะเบียนรับผู้ร้องเป็นบุตรบุญธรรมและพินัยกรรมของนางสาววัชรีที่มอบหมายให้ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบมีข้อบกพร่อง เนื่องจากลายมือชื่อในทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมและในพินัยกรรมมิใช่ลายมือชื่อที่แท้จริงของนางสาววัชรีผู้ร้องจึงมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบได้ เห็นว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 นอกจากจะกำหนดให้คู่สมรส บุพการีผู้สืบสันดาน ผู้ปกครองหรือผู้พิทักษ์ของบุคคลวิกลจริตมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลให้สั่งให้บุคคลวิกลจริตเป็นคนไร้ความสามารถและแต่งตั้งผู้อนุบาลแล้ว ยังกำหนดให้ผู้ซึ่งปกครองดูแลบุคคลวิกลจริตและพนักงานอัยการมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลได้ด้วย ฉะนั้นเมื่อผู้ร้องเป็นผู้ช่วยนางสาววัชรีซึ่งเป็นผู้อนุบาลคนเดิมดูแลและเลี้ยงดูนางสาวเอิบซึ่งเป็นบุคคลวิกลจริต โดยพักอาศัยอยู่ที่บ้านเดียวกันตลอดมา และนับแต่นางสาววัชรีถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2540 ผู้ร้องก็เป็นผู้ดูแลและพานางสาวเอิบไปรักษายามเจ็บป่วยมาโดยตลอด เช่นนี้ ย่อมถือว่าผู้ร้องเป็นผู้ซึ่งปกครองดูแลนางสาวเอิบคนไร้ความสามารถ จึงมีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบได้ ส่วนปัญหาที่ว่านางสาววัชรีจดทะเบียนรับผู้ร้องเป็นบุตรบุญธรรมและพินัยกรรมของนางวัชรีมีข้อบกพร่องหรือไม่นั้น ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยเพราะไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิในการยื่นคำร้องขอของผู้ร้องแต่อย่างใด ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านประการต่อไปว่า ผู้ร้องหรือผู้คัดค้านผู้ใดมีความเหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบ เห็นว่าผู้ร้องพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับนางสาวเอิบที่กรุงเทพมหานครตั้งแต่ผู้ร้อง ยังเป็นเด็กตลอดมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว เมื่อนางสาวเอิบถูกศาลมีคำสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถให้อยู่ในความอนุบาลของนางสาววัชรีในปี 2510 ผู้ร้องก็ช่วยนางสาววัชรีเลี้ยงดูและดูแลนางสาวเอิบมาโดยตลอด เมื่อยามที่นางสาวเอิบป่วยผู้ร้องก็พาไปพบแพทย์และไปรับยาจากแพทย์มาให้นางสาวเอิบรับประทานซึ่งนายแพทย์กฤชชื่นศิริ แพทย์ผู้ตรวจรักษานางสาวเอิบก็เบิกความยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า หลังจากนางสาววัชรีถึงแก่กรรมแล้ว ผู้ร้องก็ทำหน้าที่นี้แทนนางสาววัชรีต่อไป ส่วนผู้คัดค้านเคยพักอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับนางสาวเอิบในช่วงระยะเวลาสั้น ขณะที่ผู้คัดค้านเรียนหนังสือเท่านั้น แต่หลังจากเรียนจบแล้วผู้คัดค้านก็ไปอยู่ที่อื่นและตั้งแต่ปี 2512 เป็นต้นมาผู้คัดค้าน ก็ไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมาเยี่ยมเยียนนางสาวเอิบและนางสาววัชรีเป็นครั้งคราวเท่านั้น นางสาวเอิบย่อมมีความผูกพันสนิทสนมกับผู้ร้องมากกว่าผู้คัดค้านนอกจากนี้นางสาวเอิบมีลักษณะปัญญาอ่อนและร่างกายพิการหูหนวกทั้งสองข้าง เป็นใบ้พูดไม่ได้มาแต่กำเนิด การสื่อสารกับคนอื่นต้องใช้ภาษามือเชื่อว่าผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ดูแลนางสาวเอิบอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด ย่อมสามารถสื่อสารกับนางสาวเอิบได้อย่างเข้าใจมากกว่าผู้คัดค้าน ที่ผู้คัดค้านอ้างว่าผู้ร้องนำเงินได้ของนางสาวเอิบที่ได้จากการให้เช่าตึกและที่ดินไปฝากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเป็นบัญชีส่วนตัวของผู้ร้อง แสดงถึงความไม่สุจริต จึงไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบนั้น เห็นว่านางสาวเอิบเป็นบุคคลซึ่งศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ ไม่สามารถจัดกิจการใด ๆของตนเองได้ จึงไม่สามารถเปิดบัญชีเงินฝากในนามตนเองได้อยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติที่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ปกครองดูแลนางสาวเอิบโดยพฤตินัยที่จะนำเงินรายได้ของนางสาวเอิบเข้าบัญชีเงินฝากในธนาคารเป็นชื่อของผู้ร้อง ซึ่งตามหนังสือขอเปิดบัญชีเงินฝากร่วมกัน และหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากดังกล่าว ก็มีข้อความที่ระบุว่าเป็นบัญชีเงินฝากเพื่อนางสาวเอิบ นิรามัย ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนาของผู้ร้องโดยชัดเจนว่าการเปิดบัญชีเงินฝากดังกล่าวเป็นการทำแทนเพื่อประโยชน์แก่นางสาวเอิบโดยแท้จริงนอกจากนี้ตามใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝาก มีรายการนำเงินเข้าฝากหลายรายการ แต่มีรายการถอนเงินเพียงรายการเดียว เป็นเงินเพียง 41,250 บาท ยังคงเหลือเงินฝากถึง606,107.92 บาท จึงไม่ใช่ความบกพร่องหรือความไม่สุจริตของผู้ร้องแต่อย่างใด เมื่อคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของนางสาวเอิบในอันที่จะได้อยู่ในบ้านเดิมที่ตนได้พักอาศัยตลอดมาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันเป็นเวลาเกินกว่า 50 ปี การได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์อย่างต่อเนื่องและความรัก ความอบอุ่น รวมตลอดถึงความห่วงใยแล้ว ผู้ร้องมีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบมากกว่าผู้คัดค้าน ทั้งปรากฏว่านางสาวเอิบบรรลุนิติภาวะแล้วไม่มีคู่สมรสและบิดามารดา ศาลจึงมีอำนาจแต่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบแทนนางสาววัชรีซึ่งเป็นผู้อนุบาลคนเดิมที่ถึงแก่ความตายแล้วได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 28 วรรคสอง ประกอบมาตรา 1569/1 ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งแต่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้อนุบาลของนางสาวเอิบนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน”
พิพากษายืน