คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 789/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการฟ้องร้องเกี่ยวด้วยของซึ่งต้องยึดเพราะไม่เสียภาษีหรือเพราะเหตุริบโดยประการอื่นก็ดีหรือยึดเพื่อเอาค่าปรับก็ดีนั้น พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2469 มาตรา 100 บัญญัติให้หน้าที่พิสูจน์ตกอยู่แก่จำเลยถ้ามีข้อโต้เถียงเกิดขึ้นว่าค่าภาษีสำหรับของนั้นๆได้ส่งชำระถูกต้องแล้วหรือหาไม่หรือว่าของนั้นๆได้นำเข้ามาฯ ได้ย้ายขนไปฯ โดยชอบด้วยกฎหมายหรือหาไม่ถ้าจำเลยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้ จำเลยย่อมมีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้บังอาจซื้อหรือรับไว้ซึ่งสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งหมดราคา 5,325 บาท เป็นเงินอากรขาเข้าที่ต้องเสีย 1,216.76 บาทไว้จากผู้อื่นโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของนำเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงอากร และจำเลยทั้งสองบังอาจร่วมกันซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียซึ่งของที่จำเลยที่ 1 รับเอาไว้ ขอให้ลงโทษและริบของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นเห็นว่า คดียังเป็นที่น่าสงสัย พิพากษาให้ยกฟ้องของโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2499 มาตรา 4ให้วางโทษปรับเป็นเงิน 4 เท่าราคาของซึ่งรวมค่าอากรเข้าด้วยเป็นเงิน 26,167.04 บาท โดยแยกปรับเรียงตามรายตัวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 เป็นเงินคนละ 13,083.52 บาทของกลางริบ

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงเบื้องต้นได้ว่า เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งความจากผู้แจ้งความนำจับว่า จำเลยทั้งสองลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงภาษีและสืบสวนได้ความว่าจำเลยทั้งสองได้นำสินค้าบรรทุกเกวียนไป จึงได้ไปทำการจับกุม ได้ของกลางที่ลานนวดข้าวในบริเวณบ้านนายปั๋น ของกลางที่จับได้นี้ถูกซุกซ่อนปิดบังเอากองฟางทับปิดไว้ เห็นว่าจังหวัดตากที่เกิดเหตุเป็นจังหวัดชายแดนติดต่อกับประเทศพม่า การกระทำของจำเลยทั้งสองในตอนที่นำของกลางไปไว้ที่ลานนวดข้าวที่บ้านนายปั๋นเป็นการซ่อนเร้นปิดบังเอากองฟางทิบปิดของกลางไว้ ส่อให้เห็นได้ว่าจำเลยร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียซึ่งสินค้าของกลางโดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากรข้อห้าม ข้อจำกัดตามข้อกล่าวหาของโจทก์ ที่จำเลยนำสืบในศาลไม่ตรงกับคำให้การชั้นสอบสวนและพยานจำเลยต่างก็เบิกความขัดแย้งแตกต่างกัน ไม่สมเหตุสมผล มีพิรุธหลายประการ

ในการฟ้องร้องอันเกี่ยวด้วยของซึ่งต้องยึดเพราะไม่เสียภาษีหรือเพราะเหตุพึงริบโดยประการอื่นก็ดี หรือยึดเพื่อเอาค่าปรับตามพระราชบัญญัติศุลกากรก็ดี มีมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรพ.ศ. 2469 บัญญัติให้หน้าที่พิสูจน์ตกอยู่แก่จำเลยทุกคดี ถ้ามีข้อโต้เถียงเกิดขึ้นว่าค่าภาษีสำหรับของนั้น ๆ ได้ส่งชำระถูกต้องแล้วหรือหาไม่ หรือว่าของนั้น ๆ ได้นำเข้ามา ฯลฯ ได้ย้ายขนไป ฯลฯโดยชอบด้วยกฎหมายหรือหาไม่ เมื่อจำเลยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้จำเลยย่อมมีความผิดดังที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลยเสีย

Share